วิถี การเมือง วิถี "หน้ากากขาว" สะดุด ต้นซอย
แถลงการณ์ "พักกิจกรรม" อันออกมาจากเว็บเพจ V for Thailand ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม
เป็น "เรื่องดี"
หาก เหตุผล "เพื่อให้ทุกกลุ่มกลับไปทบทวนบทบาทของแต่ละกลุ่มที่กำลังดำเนินการโค่นอำนาจ เผด็จการและคอร์รัปชั่นว่า ใช่แนวทางที่ต้องการหรือไม่"
แต่พลันที่มีการเคลื่อนไหวจากองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.)
"ต้องเดินให้สุด อย่าสะดุดกลางซอย" ปรากฏผ่านเว็บเพจเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
"ท่านผู้ใดที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การนำของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไปเจอกันที่ CTW (สามัคคีคือพลัง ต้านภัยทรราช ขายชาติกินเมือง)"
เป็นการนัดหมายในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม
เป็น "เรื่องดี"
หาก เหตุผล "เพื่อให้ทุกกลุ่มกลับไปทบทวนบทบาทของแต่ละกลุ่มที่กำลังดำเนินการโค่นอำนาจ เผด็จการและคอร์รัปชั่นว่า ใช่แนวทางที่ต้องการหรือไม่"
แต่พลันที่มีการเคลื่อนไหวจากองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.)
"ต้องเดินให้สุด อย่าสะดุดกลางซอย" ปรากฏผ่านเว็บเพจเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
"ท่านผู้ใดที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การนำของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไปเจอกันที่ CTW (สามัคคีคือพลัง ต้านภัยทรราช ขายชาติกินเมือง)"
เป็นการนัดหมายในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม
ที่สงสัยว่ามีการแย่งชิง "การนำ" หรือไม่ อย่างไร ก็แสดงรูปธรรมอันเท่ากับเป็นการตอบข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งเมื่อ นายบวร ยสินธร มีการขยับ ยิ่งเมื่อ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ มีการขยับ ทุกอย่างล้วนเข้าล็อก
เดินหมากผิดตัวเดียว อาจแพ้ทั้งกระดาน
หากใครติดตามการเคลื่อนไหวชุมนุมของ "หน้ากากขาว" ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 5 ครั้งก่อนมีการออกแถลงการณ์ "พักกิจกรรม"
ก็จะมองเห็นการคลี่คลาย ขยายตัว
เป็นการคลี่คลายให้เห็นว่า ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่สื่อพวกเดียวกันบางสื่อระบุจำนวนนับหมื่นนั้น
จำนวนมากนั่งรถกระบะมาจาก "สนามหลวง"
เรื่อง นี้ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เองก็ยอมรับ เพียงแต่ออกตัวว่า "กลุ่มธรรมาธิปไตยที่ชุมนุมที่สนามหลวงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องครอบงำ"
แต่รายงานของ "ไทยรัฐ" ระบุว่า
การชุมนุมของ "หน้ากากขาว" เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน "มีแกนนำบางกลุ่มพยายามเข้ามาสวมรอยและจะดึงมวลชนขยายพื้นที่ทำกิจกรรม"
ยิ่งอ่านจาก "เดลินิวส์" ยิ่งเห็นอย่างเด่นชัด
"แกน นำคนหนึ่งซึ่งมาจากสนามหลวงพยายามดึงมวลชนให้เดินทางต่อไปที่อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ แต่ส่วนใหญ่ไม่ไปด้วย ขอปักหลักที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ทำกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านระบอบทักษิณ"
เป็น "แกนนำ" อันมาจาก "สนามหลวง"
ต้องยอมรับว่าก่อนเกิดปรากฏการณ์ "หน้ากากขาว" จากเซ็นทรัลเวิลด์ไปยังหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ มีการออกแรงอย่างเต็มกำลัง
1 จากวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต
เป็นการตระเตรียมในทางความคิด ทฤษฎี ระดมนักวิชาการที่เคยมีบทบาทยุค "เหลือง" เฟื่องฟูอย่างเต็มที่
มหาวิทยาลัยรังสิตเองถึงกับจะแจก "หน้ากากขาว" ให้นิสิตใหม่
1 ปมเด่นที่มีความเห็นร่วมกันคือ จะให้การเคลื่อนไหวดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ตามความตื่นตัวของมวลชน
กระนั้น ก็มีปัญหาในเรื่อง "ปริมาณ"
จำ เป็นต้องระดมเอาส่วนหนึ่งจากท้องสนามหลวงเข้ามา ส่วนหนึ่งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดิม ส่วนหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดอาศัยหัวคะแนนและฐานเสียของพรรคประ ชาธิปัตย์
เมื่อมีมวลชนเข้าร่วมในลักษณะ "สำปะปิ" ย่อมยากแก่การควบคุม
จึงปรากฏคนอย่าง นายบวร ยสินธร จึงปรากฏคนอย่างกลุ่มธรรมาธิปไตย อ้างลัทธิจัดเจนเข้ามากำหนดทิศทาง
เนื้อแท้คือ การแย่งชิง "มวลชน" แย่งชิง "การนำ"
ชะตากรรม "หน้ากากขาว" ก็อีหรอบเดียวกับม็อบ "แช่แข็ง" และม็อบขอนายกฯพระราชทาน
พลันที่เสนอแนวทาง "แช่แข็ง" พลันที่เสนอแนวทาง "นายกฯพระราชทาน" พลันที่เสนอแนวทางเปลี่ยน "หน้ากากขาว" เป็น "หน้ากากหนุมาน"
ปราสาทอันก่อจาก "ทราย" ก็พัง "ครืน" เมื่อคลื่นสาดซัดเข้าใส่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373003542&grpid=&catid=12&subcatid=1200
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น