มาคุย “ปฏิรูป” กันเถิด (3) ยกเลิกองค์กรอิสระ
มาคุย “ปฏิรูป” กันเถิด (2) ยกเลิกกฏหมาย 112
มาคุย “ปฏิรูป” กันเถิด (1) แก้ความเหลื่อมล้ำ
องค์กรอิสระในปัจจุบัน เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. หรือ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ล้วนแต่เป็นองค์กรเผด็จการ
เพื่อลดพื้นที่ประชาธิปไตย
หลายคนคงแปลกใจที่เราฟันธงแบบนี้
เพราะในกระแสการปฏิรูปการเมืองที่นำไปสู่รัฐธรรมนูญปี 40 นักวิชาการและขบวนการ NGO พยายามสร้างภาพว่าองค์กรอิสระ
มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและคานอำนาจทางการเมืองเพื่อทำให้ประชาธิปไตยดีขึ้น
อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ และ แนวคิดเกี่ยวกับการแบ่งแยกอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร
ตุลาการ ล้วนแต่เป็นลัทธิทางการเมืองของพวกเสรีนิยมฝ่ายขวา และ แนวเสรีนิยมนี้
เป็นแนวคิดของชนชั้นนายทุน
แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังผู้ที่ผลักดันเรื่ององค์กรอิสระ เป็นแนวคิดที่ดูถูกประชาชนส่วนใหญ่
มองว่าเขาไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเลือกผู้แทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขา นอกจากนี้มันเป็นแนวคิดที่มีอคติต่อกระบวนการประชาธิปไตย
เพราะไม่ไว้ใจระบบการเลือกตั้ง
ตุลาการ
รัฐธรรมนูญ กกต. และ สว. ลากตั้ง
ล้วนแต่เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากชนชั้นปกครองหรือทหาร
พลเมืองธรรรมดาไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบ ถอดถอน หรือ
ปลดพวกเผด็จการเหล่านี้ได้เลย
แต่ตุลาการรัฐธรรมนูญ
บังอาจมองว่าตนเองมีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้รัฐบาลหรือรัฐสภาที่มาจากการเลือก
ตั้งออกนโยบายเศรษฐกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างต่างๆ
ของสังคม พวกนี้บังอาจคัดค้านโครงการรถไฟความเร็วสูง และ
บังอาจบอกว่าเราไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สว. ทุกคนมาจากการเลือกตั้งได้
ผู้
ที่ถูกแต่งตั้งโดยชนชั้นปกครองเพื่อให้ดำรงตำแหน่งใน กกต.
แทนที่จะมองว่าหน้าที่ของตนเอง คือ การจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ท่ามกลางความวุ่นวายที่มาจากการกระทำของอันธพาลที่ต่อต้านประชาธิปไตย
กลับมองว่าหน้าที่ของตนเองคือการเลื่อนวันเลือกตั้ง
เพื่อเปิดทางให้พวกที่ต้องการลดพื้นที่ประชาธิปไตยได้ประโยชน์
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ถูกแต่งตั้งมาโดยชนชั้นปกครอง
พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคณะกรรมการสิทธิของอภิสิทธิชนเท่านั้น เข้าข้างม๊อบสุเทพ
สนับสนุนการใช้กฎหมายเผด็จการ 112 และ
เพิกเฉยต่อการเข่นฆ่าคนเสื้อแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตย
พวกนักเศรษฐศาสตร์แนวเสรีนิยมขวาจัด ที่คลั่งระบบกลไกตลาดของนายทุน เช่น
ในสถาบันวิจัย TDRI มองว่า นักเศรษฐศาสตร์ผู้ที่ไม่เคยได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน
ควรมีสิทธิที่จะจำกัดนโยบายของรัฐบาลในแง่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป
พวกนี้มองว่าตัวเองควรมีอำนาจเหนือผู้แทนที่มาจาการเลือกตั้งโดยประชาชน
เขาขยันด่าสิ่งที่เขาเรียกผิดๆ ว่า “ประชานิยม”
แต่เงียบเฉยต่อการใช้งบประมาณรัฐมหาศาลเพื่อทหาร หรือ เพื่อพิธีกรรมฟุ่มเฟือย
เขาอ้างประโยชน์ชาติเพราะเขาคิดว่าเขาเป็นตัวแทนของชาติและชาติของเขาไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่
ยิ่งกว่านั้นพวกนี้โกหกว่าเศรษฐศาสตร์มีแค่แนวเดียว แนวของเขา อ้างว่าเป็นแค่ “เทคนิค”
เหมือนการซ่อมเครื่องจักร แทนที่จะเป็นเรื่องถกเถียงทางการเมือง
สังคมไทยมีพื้นที่ประชาธิปไตยน้อยเกินไป และ
พื้นที่ประชาธิปไตยอันมีค่าที่เรามีอยู่ ถูกจำกัดโดยองค์กรอิสระที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ถ้าเราจะปฏิรูปการเมืองไทยให้มีประชาธิปไตยมากขึ้นเราต้องยกเลิกองค์กรอิสระทั้งหมดและเคารพวุฒิภาวะของประชาชนส่วนใหญ่
การตรวจสอบหรือคานอำนาจของรัฐบาลและรัฐสภา ถ้าจำเป็น
ต้องมาจากการกระทำขององค์กรที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เช่น สภาที่เลือกมาจากท้องถิ่นพื้นที่ 4 ภาค
หรือ ตุลาการที่ได้รับการเลือกตั้ง นอกจากนั้นควรมีการใช้ประชามติเพื่อให้
“มวลมหาประชาชน” ที่แท้จริง ตัดสินกรณีที่มีความขัดแย้งหรือเห็นต่าง
พวก
ที่สนับสนุนอำนาจขององค์กรที่อิสระจากกระบวนการประชาธิปไตย
และพวกที่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยประนีประนอมกับอันธพาลเผด็จการของสุเทพ
เป็นเพียงคนที่ต้องการถ่มน้ำลายใส่พลเมืองส่วนใหญ่
และสร้างระบบกึ่งเผด็จการนั่นเอง เขาไม่ใช่นักปฏิรูปแต่อย่างใด
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น