ความนัย การเมือง เบื้องหลัง ยุบรวม เวที ชัยชนะ จริงหรือ
ตกลง อะไรคือเหตุ ปัจจัย อย่างแท้จริงทำให้ กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุบรวมเวที
จากที่เคยอยู่อโศก สีลม ราชประสงค์ ปทุมวัน ให้เหลือเพียงเวทีเดียว
คือ เวทีสวนลุมพินี ทั้งยังมิได้เป็นเวทีสวนลุมพินีอันอยู่บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ติดกับโรงพยาบาลจุฬลงกรณ์
หากเป็น "ภายใน" ของ "สวนลุมพินี"
มองจากมุมของ กปปส. มองจากมุมของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มองจากมุมของพรรคประชาธิปัตย์
นี่คือ "ชัยชนะ" นี่คือ "ความสำเร็จ"
"การปิด กทม.แสดงให้คนทั่วโลกรับรู้แล้วว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในทางกฎหมายและทางการเมือง"
"ไม่ใช่เป็นการถอยทัพแต่เป็นการตั้งหลักฐานทัพแห่งใหม่"
บทสรุปของ กปปส. บทสรุปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บทสรุปของพรรคประชาธิปัตย์ การยุบรวมเวทีจากพหูพจน์เหลือเพียงเอกพจน์เป็นชัยชนะ เป็นความสำเร็จ
เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ
ถามว่าชัยชนะที่ว่านั้นเป็นชัยชนะอย่างไร เป็นชัยชนะในทาง "รูปธรรม" หรือเสมอเป็นเพียงชัยชนะในทาง "นามธรรม"
นามธรรม ก็คือ คิดเอาเอง
รูปธรรม ก็คือ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้ดำรงอยู่ในทางเป็นจริง นายกรัฐมนตรีมิได้เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หากแต่เป็น "คนอื่น"
ความรับรู้นี้ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อย่างยากลำบาก ไม่ว่าโดยกระบวนการของพิทากอรัส ไม่ว่าโดยกระบวนการของยูคลิด
ถาม นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ก็ตอบได้
ถาม นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ก็ตอบได้
ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็แน่นอนอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่การกระทรวงกลาโหม เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มิใช่ นายอานันท์ ปันยารชุน มิใช่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ปมเงื่อนสำคัญก็คือ หากเป็นชัยชนะอย่างแท้จริง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องสร้างฐานที่มั่นแห่งใหม่ขึ้นในพื้นที่ของสวนลุมพินี
เป็นอัน "มะม่วง" ยังไม่สุกงอมยังไม่ "ร่วงหล่น"
มองข้ามข่าวลอยลมที่ว่า มีเงินไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ปลิวว่อนในการทำความตกลงเรื่องยุบรวมเวทีของ กปปส.
ถามว่าอะไรคือเหตุผลแท้จริง
คำตอบ 1 มาจากประเด็นทางการเมือง เพราะนับวันปริมาณ "มวลมหาประชาชน" มิได้เพิ่มขึ้นหากแต่ลดลง
ลดจาก "เรือนแสน" มาอยู่ "เรือนพัน"
สะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อ กปปส.ต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ มิได้ดำรงอยู่อย่าง "สถิต"
ตรงกันข้าม ดำเนินไปอย่างมี "พลวัตร" เป็นไปในทางถดถอย
คำตอบ 1 มาจากประเด็นทางเศรษฐกิจ เพราะว่าผลสะเทือนยิ่งวันกลับยิ่งตกอยู่กับภาคธุรกิจอันเคยแวดล้อมอยู่โดยรอบ กปปส. โดยรอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และโดยรอบ พรรคประชาธิปัตย์
เหมือนกับที่เคยเกิดกับ "ประจวบโมเดล" และ "ชะอวดโมเดล"
ความ เสียหายนอกจากจะเกิดกับประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ยังเกิดขึ้นกับพวกเดียวกัน พวกที่หายใจร่วมรูจมูกเดียวกันกับ กปปส. กับ พรรคประชาธิปัตย์
เท่ากับยก "ก้อนหิน" ทุ่มใส่ "เท้า" ของตนเอง
จากนี้ ความคึกคักอันเคยสัมผัสในเดือนธันวาคม เดือนมกราคม แทบไม่เหลือริ้วรอยให้เห็นอีก
ที่เริ่มจาก "ปริมาณ" อันมหาศาล นอกจากไม่สามารถพัฒนาไปสู่ "คุณภาพ" ใหม่ในทางการเมืองแล้ว ยังไม่สามารถ "ปริมาณ" เดิมให้ดำรงคงอยู่อีกด้วย
ทั้งๆ ที่ประกาศตนเป็น "คนดี" เป็นม็อบ "มีธรรมะ"
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1393923404&grpid=&catid=12&subcatid=1200
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น