โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
ถ้าจะตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็ต้องตอบว่าทหารมันต้องการ “ทำเหี้ย”
อย่างไรก็ตามเราคงต้องวิเคราะห์ไปไกลและลึกกว่านี้
คงไม่มีใครที่พอมีสมองที่จะเชื่อว่าประยุทธ์ทำรัฐประหาร เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายและคืนความสันติสุขให้กับประชาชน
ถ้า
ใครไม่แน่ใจก็ลองทบทวนบทบาทกองทัพและประยุทธ์ก็ได้
ประยุทธ์และทหารเผด็จการอื่นร่วมกันก่อรัฐประหาร ๑๙ กันยา
เพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่
เพื่อเข้าข้างฝ่ายเผด็จการ พอมันต้องจัดการเลือกตั้งอีกเพื่อดูดี
ฝ่ายทักษิณก็ชนะอีก มันเลยให้ศาลทำรัฐประหารตุลาการแล้วตั้งรัฐบาล
อภิสิทธ์-สุเทพ ในค่ายทหาร ต่อมาเมื่อเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตย
แก๊งประยุทธ์-อนุพงษ์-อภิสิทธ์-สุเทพ
ก็จัดการฆ่าคนที่ไม่มีอาวุธในมือเก้าสิบราย
หลังจากนั้นมันจำเป็นต้องยอมให้มีการเลือกตั้งอีก แล้วมันก็แพ้อีกทั้งๆ
ที่ประยุทธ์เสือกการเมืองโดยวิจารณ์พรรคเพื่อไทยก่อนวันเลือกตั้งเป็นประจำ
ปลายปีที่แล้วประยุทธ์ก็นั่งเฉยอมยิ้มปล่อยให้อันธพาลสุเทพก่อความรุนแรงและ
ทำลายกระบวนการเลือกตั้ง
ดังนั้นข้ออ้างของประยุทธ์ในการก่อรัฐประหารฟังไม่ขึ้น
ไม่ต่างจากข้ออ้างเหลวไหลของผู้ก่อรัฐประหารในอดีตทุกครั้ง
เรา
ต้องหวังว่าพลเมืองผู้รักประชาธิปไตยในไทย จะจดจำชื่อของพวกทำเหี้ยทั้งหลาย
เพื่อขึ้นบัญชีดำและจัดการกับพวกก่ออาชญากรรมต่อประชาชนในอนาคต
ไม่ใช่ไปอโหสิกรรม นิรโทษกรรม หรือลืมคนทำชั่วแบบในอดีต ชื่อแรกๆต้นๆ
ในบัญชีดำของเราต้องเป็นแก๊ง ประยุทธ์-อนุพงษ์-อภิสิทธ์-สุเทพ
แต่ขอเพิ่มชื่อทักษิณเข้าไปด้วย เพราะเขาเคยก่ออาชญากรรมต่อประชาชนในปาตานี
และสงครามยาเสพติดด้วย เราต้องไม่ “สองมาตรฐาน” เหมือนฝ่ายตรงข้าม
ทุก
วันนี้เราเห็นทหารมุ่งหน้าปราบ รังแก และจำคุก
คนเสื้อแดงและพลเมืองผู้รักประชาธิปไตยอื่นๆ
ในขณะที่ปล่อยให้อันธพาลประชาธิปัตย์และพวกชนชั้นกลางลอยนวล
แต่พวกนี้คือกลุ่มคนที่ทำลายความสงบสุขของสังคมไทยด้วยการไม่ยอมรับกติกา
ประชาธิปไตยตลอดแปดปีที่ผ่านมา
ประยุทธ์
กำลังพยายามทำสงครามกับคนเสื้อแดงและพลเมืองรักประชาธิปไตยทุกคน
มาตรการในการเรียกเราไปรายงานตัว ขัง
บังคับให้สัญญาว่าจะไม่ทำกิจกรรมทางการเมือง
ซึ่งรวมไปถึงนักวิชาการและผู้สื่อข่าวด้วย มาตรการในการใช้ทหารบุกบ้านคน
มาตรการในการพยายามคุมพื้นที่สาธารณะเมื่อมีข่าวว่าคนอาจออกมาประท้วง
มาตรการในการเก็บหนังสือจากร้านหนังสือ
และมาตรการในการปิดกั้นการแสดงออกในสถานที่ศึกษา
ล้วนแต่เป็นมาตรการของเผด็จการสุดขั้วที่มีกลิ่นอายของระบบฟาสซิสต์
แต่มันยังไม่มีการจัดตั้ง “รัฐตำรวจ” เบ็ดเสร็จแบบที่พวกฟาสซิสต์ทำ
มันคงทำไม่ได้ด้วย เพราะต้องไปฝืนใจประชาชนส่วนใหญ่อย่างหนักและต่อเนื่อง
กิริยา
การหลงตนเองของประยุทธ์ ทั้งในเรื่องที่จะให้ประชาชนกราบไหว้
และในเรื่องที่อ้างว่าตน “ทำงานหนักเพื่อชาติ”
บวกกับความโง่เขลาปัญญาอ่อนของการรณรงค์ให้ประชาชนกลับคืนสู่ความสุข
ซึ่งไม่มีใครนอกจากสลิ่มที่จะเชื่อหรือไม่หัวเราะเยาะในใจนั้น
ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าสมเพช
กิริยา
ต่างๆ และวิธีการของประยุทธ์ทำให้ผมนึกถึง จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ
พลตำรวจเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ....ใช่ครับ
สฤษดิ์มันหลงตนเองถึงขนาดแต่งตั้งตนเองให้เป็นหัวหน้าทุกอย่าง
รวมถึงหัวหน้าจอมคอร์รับชั่นอีกด้วย
สฤษดิ์
มันโหดร้าย จับนักต่อสู้คนดีหลายคนมายิงเป้า แต่สฤษดิ์ก็เป็นคนน่าสมเพชด้วย
เป็น “จอมพลผ้าขาวม้าแดง”
ที่เอาผู้หญิงไปทั่วแล้วแจกเงินรัฐจากภาษีประชาชนให้เมียน้อย
และเป็นนักธุรกิจมาเฟียที่ละเมิดกฏหมายที่ตนเองมีส่วนในการร่าง
ไม่ว่าจะขายน้ำมันหรือดิบุกเถื่อน หรือกอบโกยเงินใต้โต๊ะ
รัฐบาลกับผู้นำประเทศอื่นๆ รู้เรื่องนี้ไปกันหมด เสียชื่อประเทศไทย
แต่ต่างประเทศซีกตะวันตกยอมปิดปากเพราะสฤษดิ์เลือกจะเลียสหรัฐในยุคสงคราม
เย็น
ที่
สำคัญคือ ยุคสฤษดิ์กับยุคนี้ มันต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน เวลามันผ่านไปกว่า
50 ปี วุฒิภาวะของพลเมืองไทยพัฒนาไปไกล ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น
ทุกคนมีการศึกษา ทุกคนมีส่วนเสียโดยตรงจากเผด็จการ
และคนส่วนใหญ่เป็นผู้ทำงานในเมืองหรือนอกภาคเกษตร
เผด็จการทหารครองเมืองนานๆ ไม่ได้ ประชาชนจะลุกฮือต้านในที่สุด
พลเอก “น้ำนม” ประยุทธ์ไม่มีวันหมุนนาฬิกากลับได้ ไม่ว่าเขาจะฝันเปียกกี่คืนเรื่องนี้
ประเด็นคือ ประยุทธ์กับพวกประจบสอพลอรอบตัวมัน โง่เขลาเต็มตัวที่ฝันว่าจะหมุนนาฬิกากลับแบบนั้น หรือเขามีเป้าหมายอื่น?
เรื่อง
ความโง่เขลาของประยุทธ์กับพรรคพวกนั้นผมพร้อมจะเชื่อ
แต่มันก็เป็นไปได้อีกว่ามันไม่โง่ถึงขนาดนั้น
ไม่ว่ามันจะเลวและมือเปื้อนเลือดแค่ไหน
ถ้า
ประยุทธ์กับพวกประจบสอพลอรอบตัวมันมีเป้าหมายอื่น
เป้าหมายหนึ่งที่อาจเป็นไปได้คือ เขากำลังพนันครั้งใหญ่ว่า
ถ้าเขาข่มขู่พวกเรา ถ้าเขาขังแกนนำ และถ้าเขาสร้างกระแสความกลัว
ในไม่ช้าพวกเราจะหดหู่หมดกำลังใจ
หลังจากนั้นมันก็จะเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งอีกรอบ
เพื่อให้พรรคการเมืองของทักษิณและยิ่งลักษณ์ไม่มีวันชนะหรือครองอำนาจได้
เขาพนันว่าเราจะไม่สู้เรื่องนี้
ถ้า
นี่คือเป้าหมายของพวกมัน
เราต้องทำทุกอย่างที่จะไม่หดหู่หมดกำลังใจหรือยอมจำนน
เราอาจลดระดับการเคลื่อนไหวชั่วคราว
แต่ในพื้นที่ใต้ดินเราต้องทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายทางการเมือง
ที่หนักแน่นกว่าเดิม
พอมีโอกาสเราก็จะได้ระเบิดออกมาประท้วงและล้มเผด็จการได้
ทุก
วันนี้ทั้งทักษิณ นักการเมืองเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กำลังร่วมมือกับทหาร
ซึ่งต้องถือว่าเป็นการหักหลังประชาชน เขามีทางเลือกอื่นในการนำการต่อสู้
แต่เขาเลือกไม่ทำ เขายอมจำนน ดังนั้นพลเมืองรากหญ้าต้องก้าวขึ้นมานำตนเอง
แต่นำตนเองอย่างเป็นระบบที่มีการจัดตั้ง
วันนี้ประชาธิปไตยไทยถอยหลัง แต่ในอนาคต เมื่อเราพร้อม เราจะลุกขึ้นสู้และล้มระบบอำมาตย์ทั้งหมด โค่นมันแบบถอนรากถอนโคน
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น