เราต้องก้าวพ้นความกลัวเพื่อจัดตั้งและต่อสู้ใต้ดิน
การ
ที่คณะเผด็จการสั่งให้นักประชาธิปไตย ทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว
และนักทำข่าวก้าวหน้า ต้องไป “รายงานตัว” กับมัน
เป็นวิธีการสร้างความกลัวโดยทั่วไปในสังคมไทย
รัฐประหารครั้งนี้ นับว่าโหดร้ายที่สุดในรอบ 28 ปี ที่ผ่านมา ร้ายพอๆ กับ ๖
ตุลาคม ๒๕๑๙ เพราะอย่าลืมว่ารัฐประหารครั้งนี้เป็น “รัฐประหารยาว”
นับตั้งแต่ ๑๙ กันยา ผ่านการฆ่าเสื้อแดงที่ราชประสงค์ แล้วมาถึงจุดปัจจุบัน
และประยุทธ์มือเปื้อนเลือดเป็นตัวการสำคัญมาตลอด
การสั่งให้พลเมืองที่ไม่ได้กระทำความผิด ไปรายงานตัวต่อทหารโจร
ถือว่าเป็นการทำสงครามกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
เราต้องเรียนรู้วิธีรับมือและทำสงครามกลับไป แต่ไม่ใช่ด้วยการจับอาวุธ
เราต้องอาศัยการเมืองประชาธิปไตยและมวลชน
สิ่งที่เราไม่ควรลืมคือ การบริหารประเทศในระยะยาว ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน เราจะต้องไม่ร่วมมือกับกติการเผด็จการ
คณะทหารเผด็จการต้องการสร้างความกลัว เพราะความกลัวอาจนำไปสู่อัมพาต อัมพาตในการมีส่วนร่วมทางการเมือง และอัมพาตในการเคลื่อนไหว
แต่เรายอมเป็นอัมพาตไม่ได้!! ซึ่งแปลว่าเราจะต้องก้าวพ้นความกลัว
การก้าวพ้นความกลัวไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำอะไรโง่ๆ
และไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความกลัวอยู่ในใจ
แต่เราต้องหาทางบริหารความกลัวที่มีอยู่โดยปกติ เพื่อไม่ให้เราอัมพาต
และเพื่อไม่ให้เราต้องยอมแพ้ เพราะถ้าเรายอมแพ้ สังคมไทยจะถอยหลังสู่ยุคมืด
การเสียสละของวีรชนประชาธิปไตยตั้งแต่ ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบันก็จะเปล่าประโยชน์
และลูกหลานคนรุ่นต่อไป จะต้องเติบโตภายใต้ระบบทาสทางความคิด
สถานการณ์ปัจจุบันหมายความว่ามีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำเด็ดขาด
คือนั่งอยู่บ้านคนเดียวหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอโทรทัศน์
มันจะนำไปสู่ความหดหู่และความกลัว
เราต้องออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปนัดคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในวงเล็กๆ
เงียบๆ ดื่มกาแฟ และคุยอย่างเป็นระบบ คือคุยกับคนเดิมทุกวันอย่างต่อเนื่อง
คุยเพื่อแลกข่าว แต่ไม่ใช่ข่าวลือนะ คุยเพื่อร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์
คุยเพื่อศึกษาบทเรียนจากอดีตและจากประเทศอื่น และที่สำคัญคือ
(1)ต้องคุยเพื่อวางแผนการต่อสู้แบบปิดลับ
ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติการในที่สาธารณะแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
และการคุยกันตอนนี้ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรบ้างที่ใหญ่กว่าการออกมาประ
ท้วงเชิงสัญญลักษณ์ ซึ่งเราต้องทำในอนาคต
(2)ต้องคุยเพื่อเลือกตัวแทนที่จะไปคุยกับกลุ่มเล็กๆ อื่นๆ
เพื่อสร้างเครือข่าย ซึ่งในประเด็นนี้ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสาร นี่คือ
“ก.ข.ค.” ของการจัดตั้งและต่อสู้ใต้ดิน
การต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลา แต่เรามีเวลา เราคือคนส่วนใหญ่ และเราคืออนาคต
พวกทหาร พวกอำมาตย์ และพวกต้านประชาธิปไตย
คือคนส่วนน้อยที่ไม่มีอนาคตต่างหาก
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น