20 กลุ่ม-เครือข่ายประชาชน ค้านพลังงานนิวเคลียร์ในแผนพีดีพี
เครือข่ายประชาชนคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ ออกแถลงการณ์ “ผู้วางแผนพีดีพี
ยังเป็น “คน” อยู่หรือไม่?” ชี้ PDP 2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3
บิดเบือนเจตนารมณ์ของแผนพีดีพี ถูกครอบงำโดยอวิชชา
ทั้งขาดจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์
วันนี้ (20 ก.ค.55) เครือข่ายประชาชนคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์
ออกแถลงการณ์ “ผู้วางแผนพีดีพี ยังเป็น “คน” อยู่หรือไม่?”
เรียกร้องให้นำพลังงานนิวเคลียร์ออกจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ
หลังจากเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 55 การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
(กพช.) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
เห็นชอบแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศระหว่างปี 2553 - 2573
ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 หรือ PDP 2010 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ นอกจากนี้
ที่ประชุม กพช. ยังสั่งการให้กระทรวงพลังงาน ศึกษาแผน PDP ฉบับปี 2012
ในทันที
โดยแผน PDP ฉบับดังกล่าว
ถูกอ้างว่ามีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้า
ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล
ที่รวมโครงการรถไฟฟ้า 12 สาย และให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี
และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ร้อยละ 25 ใน 10 ปี
เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ได้อนุมัติแผน PDP 2010 โดยมีพลังงานนิวเคลียร์อยู่ในแผน 5,000
เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2554-2573 โดยมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 โรง
โรงไฟฟ้าถ่านหิน 10 โรง และโรงไฟฟ้าก๊าซ 20 โรง
ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ได้ว่าจ้างบริษัทปรึกษาให้คัดเลือก 5 พื้นที่ ได้แก่ อุบลราชธานี นครสวรรค์
ตราด สุราษฎร์ธานี ชุมพร ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีถูกเลือกเป็นอันดับ 1
โดยพิจารณาจากด้าน วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม
และการประมาณต้นทุนก่อสร้างของโรงไฟฟ้า
ต่อมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ปรับปรุงแผน PDP 2010 ครั้งที่ 3
โดยมีพลังงานนิวเคลียร์อยู่ในแผน 2,000 เมกะวัตต์
โรงไฟฟ้าความร้อนร่วมก๊าซธรรมชาติ 25,451 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน 4,400
เมกะวัตต์ ไฟฟ้าซื้อจากต่างประเทศ 6,572 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าระบบพลังงานร่วม
Co-generation 6,374 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 9,516 เมกะวัตต์
โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ 750 เมกะวัตต์ โดยมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 โรง
ซึ่ง กฟผ.ได้ว่าจ้างบริษัทปรึกษาให้คัดเลือก 4 พื้นที่ ได้แก่
สุราษฎร์ธานี ตราด อุบลราชธานี กาฬสินธุ์
แถลงการณ์ ระบุว่า รายละเอียดเชิงตัวเลขของการปรับเปลี่ยน แผนพีดีพี
2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 แสดงอย่างชัดแจ้งว่า แผนดังกล่าว
บิดเบือนเจตนารมณ์ของแผนพีดีพี
เพราะมีการพยากรณ์การใช้ไฟฟ้าเกินความเป็นจริง
และกระบวนการพิจารณาใช้เวลาในการพิจารณาเพียง 9 วัน คือตั้งแต่วันที่ 31
พ.ค. – 8 มิ.ย.55
เป็นการงุบงิบปรับเปลี่ยนแผนโดยขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
อีกทั้งถูกครอบงำโดยอวิชชา ด้วยความมืดบอดแห่งพุทธิปัญญา
และมืดบอดทางวิชาการ
แม้จะมีความพยายามคัดค้านจากเครือข่ายประชาชนและมีการนำเสนอตัวอย่างผลกระทบ
ที่เกิดขึ้น เช่น กรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน แต่ก็ไร้ผล
นอกจากนั้นยังขาดจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์
ดังที่รู้ซึ้งกันดีของผู้คนทั้งโลกว่า
เหตุการณ์ระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก คือ โศกนาฏกรรม
ที่นำมาซึ่งความสูญเสียในหลายมิติ
แต่ความหายนะที่มวลมนุษยชาติที่ได้รับจากเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้า
นิวเคลียร์ ไม่ได้อยู่ในจิตสำนึกของกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันจัดทำPDP 2010
หลังเกิดเหตุการณ์ฟูกูชิมะ ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ได้ผ่านเลยไป
และเมื่อผู้คนต่างลืมเลือนความสยดสยองของเหตุการณ์
แล้วจึงมีการเดินหน้าผลักดันโครงการอีกครั้ง
“บรรดาความพยายามของคนกลุ่มนี้ มีหลายรูปแบบ
ตั้งแต่การบีบสังคมให้ยอมรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยการโยนคำถามชี้นำ อาทิ
เมื่อไฟฟ้าจะหมดในอนาคต จะทำอย่างไร? ระหว่างพลังงานถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ
และแม้แต่การประชุมสัมมนา แต่ข้อคำนึงที่คนกลุ่มนี้ไม่เคยคิดคำนึง คือ
การมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีความเป็นไปได้ที่ประเทศนี้และประชาชนในประเทศนี้
มีความเสี่ยงและไม่เสี่ยงต่อหายนะภัยจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
แต่การไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ประเทศนี้และประชาชนในประเทศนี้
จะไม่เสี่ยงใดๆ เลย!!” แถลงการณ์ ระบุ
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น