เพื่อไทย”กล้าๆหน่อย
"ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่า “ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา”
โดยยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่มีความเห็นใดๆจนกว่าคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐ
ธรรมนูญจะออกมาอย่างเป็นทางการ
และคณะกรรมการกฤษฎีกานำคำวินิจฉัยมาตีความเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ใจถึงก็เดินหน้า
อย่างไรก็ตาม แกนนำเสื้อแดงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ นักวิชาการ โดยเฉพาะกลุ่มนิติราษฎร์ที่ให้เดินหน้าลงมติ วาระ 3 พร้อมยุบศาลรัฐธรรมนูญและตั้ง “คณะตุลา การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” แทน (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
“สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการเดินหน้าลงมติวาระ 3 แต่ถ้าใจไม่ถึงก็มีข้อเสนอของนิติราษฎร์ให้พิจารณา ถ้าใจไม่ถึงอีกก็แล้วแต่ท่าน”
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หนึ่งในคณะนิติราษฎร์ กล่าว ซึ่งสอดคล้องกับคณะนิติราษฎร์ที่แถลงจุดยืนให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เสนอแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยกร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112"
อย่างไรก็ตาม แกนนำเสื้อแดงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ นักวิชาการ โดยเฉพาะกลุ่มนิติราษฎร์ที่ให้เดินหน้าลงมติ วาระ 3 พร้อมยุบศาลรัฐธรรมนูญและตั้ง “คณะตุลา การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” แทน (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
“สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการเดินหน้าลงมติวาระ 3 แต่ถ้าใจไม่ถึงก็มีข้อเสนอของนิติราษฎร์ให้พิจารณา ถ้าใจไม่ถึงอีกก็แล้วแต่ท่าน”
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หนึ่งในคณะนิติราษฎร์ กล่าว ซึ่งสอดคล้องกับคณะนิติราษฎร์ที่แถลงจุดยืนให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เสนอแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยกร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112"
"ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่มีความยุติธรรม หรือมีแต่ความยุติธรรมแบบ “2 มาตรฐาน” หรือพรรคที่คนเสื้อแดงสนับสนุนให้เข้ามาทำหน้าที่ถามหาความยุติธรรมยังพร้อม จะก้มหัวยอมรับอำนาจ “ตุลา การภิวัฒน์” ไม่ใช่เพียง “ความจริงจะไม่ปรากฏ” และ “คนสั่งยังลอยหน้า คนฆ่ายังลอยนวล” เท่านั้น แต่ความขัดแย้งทางการเมืองจะมีต่อไป ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าในไม่ช้าจะเกิดวิกฤตรอบใหม่ที่รุนแรงแตกหักและเกิดความ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ขณะที่นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ เขียน บทความว่า “สนามรบ” ข้างหน้าคือกฎหมายและกระ บวนการทางกฎหมาย แต่ประชาชนไม่มีเครื่องมือใดๆที่จะต่อสู้ใน “สนามรบ” ทางกฎหมายเลย ยกเว้นแต่พรรคเพื่อไทย แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกลับไม่ต้องการเป็นเครื่องมือให้ประชาชนเท่ากับเป็น เครื่องมือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจึงต้องช่วยกันคิดหาวิธีที่จะควบคุมพรรคเพื่อไทย ให้ได้ ไม่ว่าจะสร้างสื่อขึ้นมาแข่งขันกับพรรคเพื่อไทย หากจะมีการเลือกตั้งซ่อมครั้งใดต้องกดดันให้พรรคเพื่อไทยยอมให้ประชาชนเป็น ผู้กำหนดผู้สมัคร หากไม่ทำก็ลงคะแนนเสียงไม่ประสงค์ใช้สิทธิ พรรคเพื่อไทยก็จะเสีย ส.ส. ในสภาไป 1 เสียง แม้แต่แกนนำเสื้อแดงก็ต้องระวัง เพราะ อาจเห็นแก่ประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยและตนเองเหนือกว่าประโยชน์ของประชาชนและ ประชาธิปไตย
อย่างที่นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “ประชา ธิปไตยเป็นกระบวนการช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำ และการต่อต้านประชาธิปไตยก็เช่นกัน ไม่มีดอกประชา ธิปไตยแกะกล่องสำเร็จรูปพร้อมใช้ที่ไม่ต้องลงแรงแต่งสร้างอีก ไม่ว่าจะในไทยหรืออเมริกา”
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม โดย เฉพาะการต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการไทยหรือเผด็จการทั่วโลก ประชาชนจึงต้องยืนหยัดต่อสู้ ไม่ใช่ได้มาด้วยการร้องขอ ที่สำคัญประชาชนต้อง “ตาสว่าง” ไม่หลงประเด็นที่ถูกบิดเบือนไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม เพราะไม่มีอำนาจใดอยู่ได้อย่างยั่งยืนหากประ ชาชนไม่ยอมรับ
พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นประมุขทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจึงต้องมี ความกล้าในการแก้ไขรัฐธรรม นูญ เพื่อแสดงให้คนเสื้อแดงและประชาชนที่รักประชาธิปไตยเห็นว่ายังมีจุดยืนที่ มั่นคงในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยและความยุติธรรม ไม่ใช่ยอม “เกี๊ยะเซียะ” กับเผด็จการอำมาตย์เพียงเพื่อให้อยู่ในอำนาจได้นานที่สุด
เพราะประชาชนจะไม่ยอมรับเผด็จการ ไม่ยอมให้ฆาตกรฆ่าประชาชนลอยนวล และประชาชนที่เขา “คิดเป็น” แล้ว เขาจะไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกหกตอแหลประชาชนอย่างแน่นอน!
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลและเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในสภาจึง
ควร “อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี” หรือ “พร้อมจะกลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี”
แม้จะถูกยุบพรรคแล้วยุบอีกก็ตาม
ถ้าอยู่นานแล้ว “ไม่ทำอะไรหรือไม่กล้าทำอะไรเลย”... “คะแนนนิยม”
ก็จะลดลงเรื่อยๆ และจะเสื่อมลงในที่สุด
อยู่นานอย่างไร้คุณค่า..“อย่าอยู่เสียดีกว่า”...อายประ
ชาชนที่เขาเลือกพวกคุณมาและเดินแซงหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!
(อ่านต่อ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น