หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่ Happy New Year 2013

สวัสดีปีใหม่  Happy New Year  2013






http://www.prachatai.com/sites/default/files/imagecache/cartoon2_big/cartoon2/29-12-2555--%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%AA-2556_0.jpg




ผ่านปีใหม่..จะมีชัย ได้หรือเปล่า ?
คำถามเก่าเวียนมาเหมือนปีก่อน 
ชาวสังคมนิยมไม่ขอพร 
นั่งยืนนอนคิดถึงแต่...อภิวัฒน์ !

ผ่านปีใหม่...จะมีชัย ได้หรือเปล่า ??
เนิ่นนานเนาใต้ตีนเงา..อุบาทว์ฉัตร !
ทึมทมึนไทยไม่เป็นประชารัฐ 
เหมือนฝูงสัตว์ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ 

หวังปีใหม่นี้ถึงชัยประชาชน 
คนเท่าคนขึ้นแข็งขืนตื่นครองสิทธิ์ 
เสมอภาค 1 เสียง 1 ชีวิต 
เผาร่มฉัตรอำมหิต ด้วย..เพลิงธรรม !!!

"Happy New Year 2013"
http://www.youtube.com/watch?v=q9T3V0PTmWU

Sawasdee Pee Mai(Acoustic).avi
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=WjyFP4QeebE 

Auld Lang Syne - "Happy New Year"
http://www.youtube.com/watch?v=lvJRmdN9iyU

โค่นล้มทุนนิยม!!! เร่งสร้างสังคมใหม่ที่มีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพ มีกิน มีใช้ มีรัฐสวัสดิการ มีความเสมอภาคเท่าเทียม มีประชาธิปไตย ไร้สองมาตรฐาน ไร้อำนาจนอกระบบ 
http://www.youtube.com/watch?v=MHdmaFJ6W6M

คลิป ใจ อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยปลายปี ๒๕๕๕


แดงสังคมนิยม

คลิป ใจ อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยปลายปี ๒๕๕๕ 




1  Ji 29Dec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=IiocZsl8y7Y

2 Ji 29Dec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=I458rajY1Rg

Giles Ji EngDec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jYKnq-LVOBs 
  
(ที่มา)
http://redthaisocialist.com/2011-01-31-17-53-59/389--political-analysis.html

ปีเก่า-ปีใหม่ ไม่เคยมี ในสำนึกดั้งเดิม

ปีเก่า-ปีใหม่ ไม่เคยมี ในสำนึกดั้งเดิม


โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ  


"ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่" เป็นวลีผูกขึ้นใหม่เมื่อหลังรับคติขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม ตามปฏิทินสากลราว 70 กว่าปีมานี้ สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านี้ไม่มีสำนึกปีเก่า-ปีใหม่แบบสากล

มี แต่รับรู้เรื่องเปลี่ยนปีนักษัตรจากรูปสัตว์หนึ่ง ไปอีกรูปสัตว์หนึ่ง ตอนขึ้นเดือนอ้าย (หมายถึงเดือนที่ 1) หลังลอยกระทงเดือน 12 (ตรงกับปฏิทินสากลราวเดือนพฤศจิกายน)

เช่น เปลี่ยนจาก มะโรง งูใหญ่ เป็น มะเส็ง งูเล็ก (ไม่ใช่เปลี่ยนตอนสงกรานต์ เมษายน ซึ่งเป็นประเพณีอินเดีย เพราะในอินเดียไม่มีปีนักษัตร มีแต่สิ่งที่โหราจารย์บอกว่า เรียกราศีตามสุริยคติ นับถือดวงอาทิตย์)

แล้วรับรู้ว่าฤดูกาลเปลี่ยนไปจากฝนเป็นหนาว ในช่วงเดือนอ้าย ปลายฝน ต้นหนาว

 
ฤดู กาลที่เปลี่ยนไปก็ไม่เหมือนกัน เพราะทางเหนือรับลมมรสุมก่อน มีฝนก่อน ทำนาปลูกข้าวก่อน ข้าวสุกก่อน เกี่ยวข้าวก่อน จึงนับเดือนเร็วกว่าภาคกลางซึ่งอยู่ใต้ลงมาราว 2 เดือน เช่น

รัฐ ล้านนา เข้าเดือนอ้าย หรือเดือน 1 ไปแล้ว แต่รัฐสุพรรณภูมิยังเป็นเดือน 11 ครั้นรัฐสุพรรณภูมิลอยกระทงเดือน 12 แต่รัฐล้านนาเป็นเดือนยี่ (คือ เดือน 2)

ส่วนรัฐนครศรีธรรมราชเป็นเดือนอะไร? ตรงกับที่ไหน? ไม่พบหลักฐาน

ดิน แดนที่เป็นประเทศไทยทุกวันนี้ สมัยโบราณมีหลายรัฐ แต่ละภาคก็มีรัฐเอกราชต่างๆ กันไป ไม่ได้รวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน บางทีในภาคเดียวกันมีหลายรัฐก็ได้ เช่น

ภาคกลางตอนบนมีรัฐสุโขทัย แต่ตอนล่างมีรัฐสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี), และรัฐอโยธยา-ละโว้ (อยุธยา-ลพบุรี)

ภาคใต้ตอนบนมีรัฐนครศรีธรรมราช แต่ตอนล่างมีรัฐปัตตานี

อยุธยา เป็นราชอาณาจักรสยามแห่งแรก เพราะรวมรัฐนครศรีธรรมราช ทางใต้ กับรัฐสุโขทัย ทางเหนือ ไว้ในอำนาจได้ก่อนที่อื่นๆ ในไทย แต่ยังไม่มีอำนาจเหนือรัฐปัตตานีกับรัฐล้านนา

(ที่ว่าสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย จึงไม่จริง และที่ว่าสุโขทัยล่มแล้วจึงมีรัฐอยุธยาก็ไม่ใช่)

ขณะส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามปฏิทินสากลนี้ถ้าย้อนยุคกลับไปจะพบว่า

ภาคเหนือ รัฐล้านนา เป็นเดือน 3 ปลายหนาว

ภาคกลาง รัฐอยุธยา เป็นเดือน 1 ปลายฝน ต้นหนาว

ภาคใต้ รัฐนครศรีธรรมราชและรัฐปัตตานี เป็นเดือนอะไรไม่รู้ แต่เพิ่งเข้าฤดูฝน ที่เลื่อนลงจากภาคกลาง

ในอนาคตอิทธิพลโลกร้อนมีรุนแรงขึ้น ฤดูกาลแปรปรวนมากขึ้นอีก จึงไม่มีใครรู้ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงรุนแรงอย่างไร? ขนาดไหน?

 
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356920393&grpid=&catid=02&subcatid=0200

เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ เวลาอันจำกัดและความหมาย

เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ เวลาอันจำกัดและความหมาย



 
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
@PravitR


ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านระหว่างการจบสิ้นปีเก่าเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้เราคิดพิจารณาถึงเวลาแห่งชีวิตที่พวกเราทุกคนต่างก็ มีกันอยู่อย่างจำกัด


เวลาอันจำกัดของเราทุกคน ช่วยให้เราต้องพยายามจัดลำดับความสำคัญต่างๆ ในชีวิต ว่าสิ่งใดหรืออะไรมีความหมายมีค่าสำหรับชีวิตเรา และสิ่งที่ไร้ค่าไร้ความหมายในทรรศนะของเราแต่ละคน

ทุกคนต้องตาย และกาลเวลาเดินทางของมันต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง บางคนอาจบ่นเสียดายว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่เวลาอันจำกัดของเราทุกคนในโลกนี้ต่างหาก ที่ช่วยมนุษย์ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย มากไปกว่าการคิดเรื่องประโยชน์ของตัวกูของกู และสามารถมองข้ามตนเองไปได้ไกลมากกว่าเรื่องประโยชน์ของตนและครอบครัวพวก พ้อง

เวลามีค่าเพราะมันมีจำกัด ชีวิตมีค่าเพราะชีวิตคนนั้นสั้น และความจำกัดช่วยให้เราเข้าใจชะตากรรมชีวิตผู้อื่นได้ดีขึ้น เพราะไม่ว่าเขาจะรวยจนต่างจากเรา มีความเห็นทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ เหมือนหรือไม่ พูดเขียนภาษาเดียวกับเราหรือไม่ก็ตาม พวกเขาต่างก็เป็นมนุษย์ที่มีเวลาในชีวิตอันจำกัดเช่นเดียวกับเรา

พอเราตระหนักว่าเวลาในโลกนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เหมือนไปยืมเขามา วันหนึ่งก็ต้องคืนร่างกายและชีวิตแก่ธรรมชาติไป มันก็ช่วยให้เราลดความโลภ โกรธ หลง และความรักในตัวตนเป็นหลักเหนือสิ่งอื่นใดอย่างแคบๆ ได้

เพราะเรารู้ว่าเราอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน เราจึงรักตนเองและเห็นแก่ตนเองให้น้อยลงได้

Count Down ปีใหม่จึงไม่น่าจะเป็นเวลาที่จะดื่มจนเมามายจนไร้สติ หากเป็นเวลาที่จะคิดพิจารณาถึงชีวิตที่กำลังหมดลงไปที่ละเล็กทีละน้อย ทุกวินาทีของเราทุกคน ไม่ว่าจะแก่หรือไม่ก็ตาม เราหมดเวลาของชีวิตไปอีกหนึ่งปี

ผู้เขียนตระหนักว่า การที่เวลาในชีวิตนั้นจำกัด ก็อาจเป็นเหตุผลให้คนจำนวนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างเสพสุขเอาแต่ประโยชน์และความ เห็นแก่ตัวของตนเป็นที่ตั้ง เพราะเขาอาจมองว่า สุดท้ายก็ไม่มีอะไรจีรังเที่ยงแท้ - หรือไม่ก็ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายปลายทาง

แต่ผู้เขียนก็อดเกรงมิได้ว่า พวกเขาอาจเสียใจตอนใกล้สาย ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้ให้ผู้อื่นมีความสุขยิ้มได้ หรือให้กับสังคมและโลกเลยในขณะที่ยังมีชีวิตมีโอกาส

แต่ไม่ว่าจะคิดเช่นไร ชีวิตก็เหมือนฝัน ฝันที่ต้องตื่น เพียงแต่การตื่นจากความฝันที่เป็นชีวิตคือความตาย

(ที่มา)

ของขวัญปีใหม่

ของขวัญปีใหม่


โดย อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
 

ในท่ามกลางความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธต่อกันอย่างรุนแรงใน ภาคใต้ตอนล่าง และระหว่างสีในประเทศไทยโดยรวม ของขวัญปีใหม่ที่คนไทยอยากได้ที่สุดน่าจะเป็นความสงบสันติ แต่ ดูจะเป็นของขวัญที่ไกลสุดเอื้อม ผมไม่มีสติปัญญาพอจะมอบของขวัญอันมีค่าขนาดนี้ได้ แต่อยากมอบของขวัญชิ้นเล็กๆ กว่านั้นแยะ แต่ผมคิดว่าสำคัญ

นั่นคือ การมองปัญหาความขัดแย้งให้ซับซ้อนกว่าที่เคยมองมา และด้วยเหตุดังนั้นจึงมองทางออกซับซ้อนกว่าที่เคยมองมาด้วย กล่าวคือไม่ใช่ความขัดแย้งของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเท่านั้น และด้วยเหตุดังนั้น การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่แค่การจับเข่าคุยกัน ไม่ว่าจะที่ดูไบ หรือที่มาเลเซีย รวมทั้งอาจไม่ต้องเดินไปหนทาง "ความจริง-ความยุติธรรม-การให้อภัย-ความปรองดอง" ด้วย ไม่ใช่เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นเส้นทางที่น้อยสังคมจะเลือกเดินได้ แม้แต่ในสังคมที่เลือกเดินไปแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะ "เลือก" แท้ๆ แต่มีปัจจัยอื่นผลักดันอยู่ด้วย

มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย มีโครงการวิจัยใหญ่อันหนึ่งชื่อ
"เปรียบเทียบการสร้างสันติภาพ" ซึ่งเกิดขึ้นหลายแห่งในโลก งานวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาชิ้นแรกคือกรณีศึกษาอินโดนีเซีย (John Braithwaite, et.al., Anomie and Violence, Non-Truth and Reconciliation in Indonesian Peacebuilding)

ทำไมถึงต้องเป็นอินโดนีเซีย คำตอบก็เพราะความขัดแย้งในอินโดนีเซียนั้นซับซ้อนหลากหลายมาก มีทั้งที่เป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์, หรือเกิดจาก "คำสาปของทรัพยากร" คือเพราะมีทรัพยากรมากจึงทำให้เกิดความขัดแย้ง และสนับสนุนให้ความขัดแย้งสามารถดำรงอยู่หรือรุนแรงขึ้นได้ทุกฝ่าย, หรือความขัดแย้งระหว่างศาสนาและอัตลักษณ์, หรือการแยกดินแดน, หรือความขัดแย้งระหว่างชนชั้น, หรือการแย่งอำนาจระหว่างกลุ่มการเมือง ฯลฯ และเอาเข้าจริง ในทุกๆ ความขัดแย้งก็มีปัจจัยมากกว่าหนึ่งเสมอ จึงทำให้ซับซ้อนมาก

หลังการลาออกและการพังทลายของระบอบเผด็จการซูฮา ร์โต อินโดนีเซียก็ย่างเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า Anomie หมายถึงสภาวะที่ปราศจากความเชื่อฟังต่อ "ประชาวิถี" ซึ่งรวมถึงกฎหมาย, ประเพณี, และอาชญาสิทธิ์ทั้งปวง ความตายอันเนื่องมาจากการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นจาก 9 รายใน พ.ศ.2541 (เมื่อซูฮาร์โตประกาศลาออก) เป็น 233 รายใน พ.ศ.2545 แต่พอถึง พ.ศ.2551 การตายจากเหตุก่อการร้ายเหลือสูญราย ไม่เฉพาะแต่การก่อการร้าย แต่รวมถึงสถิติอาชญากรรมอื่นๆ ด้วย ในปัจจุบันสถิติฆาตกรรมในอินโดนีเซียลดลงเหลือเพียง 1 ต่อ 100,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าทุกประเทศในยุโรป มีสถิติการติดคุกต่ำสุดในโลกคือ 28 ต่อ 100,000 ฯลฯ

จากประเทศที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการก่อการร้าย กลายเป็นประเทศที่สงบเกือบที่สุดในโลกภายในระยะเวลาเพียงทศวรรษเดียว

แต่ ในขณะเดียวกัน การเมืองอินโดนีเซียในทศวรรษนี้ คือการก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจากเบื้องล่างที่รวดเร็วมาก รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อาจไม่สามารถคุมกองทัพได้สมบูรณ์ แต่ก็คุมได้มากขึ้น เช่นถอนคนของกองทัพออกไปจากผู้ว่าฯ, นายอำเภอ, และกำนัน ได้หมด ทุกตำแหน่งมาจากการเลือกตั้งท้องถิ่น และดังนั้นข้อสรุปอันแรกที่เห็นได้ชัดก็คือ การล่มสลายของระบอบเผด็จการ และการเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ ย่อมนำมาซึ่งสภาวะที่ปราศจาก "ประชาวิถี"

บท เรียนนี้มีความสำคัญแก่ไทยอย่างมาก เพราะชนชั้นนำไทยรู้ว่า เราไม่อาจหวนกลับไปสู่ระบอบเผด็จการอย่างสฤษดิ์-ถนอม-ประภาสได้แล้ว แต่หากปล่อยให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ บ้านเมืองก็จะปั่นป่วนวุ่นวาย (anomie) จึงควรเป็นประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ

บทเรียนจากอินโดนีเซียชี้ ว่าเป็นความเข้าใจผิด ประชาธิปไตยครึ่งใบนั่นแหละที่เป็นตัวนำความปั่นป่วนวุ่นวายมาให้มากเท่ากับ การพังทลายของระบอบเผด็จการ แต่ประชาธิปไตยเต็มใบต่างหาก ที่อาจนำมาซึ่งการไม่ใช้ความรุนแรงจัดการกับความขัดแย้งได้
 
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356922706&grpid=&catid=12&subcatid=1200

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 
Coffee with 'หม่อมเต่านา' : เลือกตั้งทำไมถ้าจะทำรัฐประหาร 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตอน 2
Coffee with 'หม่อมเต่านา' : เลือกตั้งทำไมถ้าจะทำรัฐประหาร 
http://www.youtube.com/watch?v=BIBQkmYv2uU&feature=share 
 

Wake Up Thailand Award + Coffee with 'หม่อมเต่านา'

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตอน 1  

Wake Up Thailand Award + Coffee with 'หม่อมเต่านา'
http://www.dailymotion.com/video/xwc8sz_wake-up-thailand-award-coffee-with- 

10 อันดับข่าวสำคัญด้านการต่างประเทศแห่งปี 2555

10 อันดับข่าวสำคัญด้านการต่างประเทศแห่งปี 2555

 


เลื่อนสอบแอดมิชชั่นปี 2557 เร็วขึ้น รับอาเซียน 

Go Global วันสิ้นปี ขอประมวล 10 ข่าวสำคัญประจำปี 2555 ดังนี้

1. ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐฯ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่
2. สงครามกลางเมืองในซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 5,000 คน
3. สภาพเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปถึงจุดตกต่ำ เศรษฐกิจกรีซเกือบล่มสลาย
 
(คลิกฟัง) 
http://www.dailymotion.com/video/xwbpao_10

ศาลรธน.ฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีมหาเศรษฐี 75%

ศาลรธน.ฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีมหาเศรษฐี 75%




คณะกรรมการศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีกลุ่มผู้มีฐานะดี ในอัตราร้อยละ 75 ที่เสนอโดยประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์จากพรรคสังคมนิยม โดยยกเหตุผลขัดต่อรัฐธรรมนูญ

การขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้ 1 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 40 ล้านบาท) ถือเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงหลักของนายออลลองด์ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อภาคธุรกิจของประเทศ และทำให้ผู้ที่มีฐานะบางรายถึงขั้นประกาศที่จะอพยพไปอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ดี รัฐบาลฝรั่งเศสเเผยว่า จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านภาษีใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับคำร้องเรียนของคณะกรรมการ

ในคำประกาศเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.) คณะกรรมการศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส เปิดเผยว่า อัตราภาษีใหม่นี้ บกพร่องต่อการพิจารณาถึงความเสมอภาค ก่อนที่มันจะกลายเป็นภาระของประชาชน เนื่องจากมีความแตกต่างจากภาษีเงินได้ในรูปแบบอื่น และควรถูกนำไปบังคับใช้ในรายบุคคล ไม่ใช่ในระดับครัวเรือน

ชาวอินเดียยังรวมตัวประท้วงเหตุรุมโทรมนศ.หญิงในกรุงนิวเดลี

ชาวอินเดียยังรวมตัวประท้วงเหตุรุมโทรมนศ.หญิงในกรุงนิวเดลี



"อินเดีย"ยังประท้วงต้านข่มขืน
http://www.2poto.com/component/option,com_community/Itemid,179/groupid,55/task,video/userid,75/vide


ประชาชนจำนวนมากรวมตัวกันที่กรุงนิวเดลี เพื่อประท้วงต่อเหตุการณ์รุมโทรมนักศีกษาหญิงวัย 23 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตและประกอบพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้

ประชาชนจำนวนมากยกเลิกการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อวันอาลัยแต่นักศึกษาแพทย์เหยื่อข่มขืน ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อเช้าวานนี้ ที่สุสานในกรุงนิวเดลี

เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการชุมนุมทั่วประเทศเพื่อประท้วงให้ รัฐบาลหามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยแก่สตรี โดย 6 ผู้ถูกกล่าวหาถูกจับกุมตัวแล้ว และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ทั้งหมดอาจต้องรับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
 

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356942778&grpid=&catid=06&subcatid=0600

สภาคองเกรสดันสุดตัวช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเผชิญวิกฤต"หน้าผาการคลัง"

สภาคองเกรสดันสุดตัวช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเผชิญวิกฤต"หน้าผาการคลัง"

 




วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน หัวหน้าคณะสมาชิกรัฐสภา ใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายอย่างเต็มที่ในการหาทางแก้ปัญหาที่เกิดจากการขึ้น ภาษีและปรับลดรายจ่าย หรือที่รู้จักกันในชื่อ"หน้าผาการคลัง"

ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะร่วมลงมติในมาตรการประนีประนอม หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นชอบ และหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 มกราคมนี้ อาจทำให้สหรัฐฯต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งกดดันให้พรรครีพับลิกันเพื่อยอมรับข้อเสนอดังกล่าว โดยกล่าวตำหนิว่าพยายามหน่วงเหนี่ยว เพื่อไม่ให้มีการขึ้นภาษีแก่คนที่มีฐานะดี

การเจรจาระหว่างแกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ ผ่านมา ไม่สามารถประนีประนอมกันได้เรื่องเลี่ยงการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่าย ขนานใหญ่ที่จะทำเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ส.ว.แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาพรรคเดโมแครตเรียกประชุมวุฒิสภาในเวลา 11.00 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ( 23.00 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย) และยอมรับว่าทั้งสองพรรคยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่มาก ขณะที่ ส.ว.มิตช์ แมคคอนเนล แกนนำวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เดโมแครตไม่ตอบรับข้อเสนอของรีพับลิกันเรื่องตัดลดโครงการสวัสดิการสังคม

วุฒิสมาชิกมิตช์ แมคคอนเนล ยื่นข้อเสนอไปยังนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในรัฐสภา เพื่อมิให้เกิดภาวะหน้าผาการคลังแล้วตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่ได้รับคตอบ ทำให้มองไม่เห็นว่า ข้อตกลงจะมีขึ้นระหว่างพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกัน ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาบรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ได้ย่อท้อ ได้หันไปหารองประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อให้ช่วยเข้ามาแก้ปัญหาความชะงักงันที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ด้านนายรีดได้กล่าวว่า ข้อเสนอของรีพับลิกันที่จะให้ตัดทอนผลประโยชน์ของประชาชนในด้านสวัสดิการ สังคมลงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการบรรลุข้อตกลงนั้น พรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356929113&grpid=&catid=06&subcatid=0600

คลิป"ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "เพื่อไทย" ชม "ประชาธิปัตย์" ต้อนรับปีใหม่ 2556

คลิป"ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "เพื่อไทย" ชม "ประชาธิปัตย์" ต้อนรับปีใหม่ 2556


 
"ผมมองประชาธิปัตย์ในแง่ดี ไม่ขึ้นเลย เพราะผมไม่ชอบวัฒนธรรมแบบประชาธิปัตย์ ซึ่งเล่นการเมืองแบบที่เห็นอยู่ เพื่อเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ซึ่งเป็นวลี ประนามประชาธิปัตย์ ติดตัวอยู่ตลอด"

 
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ รอยต่อแห่งปีที่การแบ่งสีเลือกข้างยังดำรงอยู่ทุกแห่งหน ไม่เว้นแม่แต่วงการสื่อมวลชน "มติชนออนไลน์" สัมภาษณ์ "อธึกกิต แสวงสุข" เจ้าของนามปากกา "ใบตองแห้ง" คอลัมนิสต์ฝีปากกล้า ผู้มีจุดยืนในแนวทางเดียวกับ "คนเสื้อแดง" แม้ว่าเจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม บทสนทนาชิ้นนี้ จงใจให้ "ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "พรรคเพื่อไทย" และขบวน "คนเสื้อแดง" ขณะเดียวกันให้มอง "พรรคประชาธิปัตย์" และ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ในแง่บวก อย่างไรก็ดี เขาแถมท้ายด้วยการวิจารณ์ "ตัวเอง" ในฐานะ "สื่อมวลชน" 
 
(อ่านต่อ)

สรุปเหตุการณ์สำคัญ ด้าน"เศรษฐกิจ" 10 เรื่องดัง แห่งปี 55

สรุปเหตุการณ์สำคัญ ด้าน"เศรษฐกิจ" 10 เรื่องดัง แห่งปี 55 


 
ขอส่งท้ายปี 2555 ด้วยการสรุปเหตุการณ์โด่งดังในปีมะโรง โดยคัดเลือกมาประมาณ 10 เรื่องสำคัญ
 
ศึกในส.อ.ท.ร้อนข้ามปีมะเส็ง

กลาย เป็นประเด็นร้อนข้ามปีขององค์กรที่มีอายุเก่าแก่กว่า 40 ปี อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. อันเนื่องมาจากปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ ที่รัฐบาลกำหนดให้มีผลวันที่ 1 มกราคม 2556 เหตุเพราะสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการต่างจังหวัด นำโดยนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ ส.อ.ท.รู้สึกขัดใจที่นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท.ทำหน้าที่ในการบรรเทาผลกระทบต่อสมาชิกน้อยไปหน่อย ไม่กล้าต่อรองกับภาครัฐในการยืดเวลาประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ออกไปก่อน จึงได้จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อมีมติขับนายพยุงศักดิ์พ้นสภาพประธาน ส.อ.ท. แต่นายพยุงศักดิ์เห็นว่า การจัดประชุมและมีมติดังกล่าวผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเปิดประเด็นปมทุจริตโครงการฝึกอบรมแรงงานของกระทรวงแรงงาน ว่ามีสมาชิก ส.อ.ท.บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เป็นการตอบโต้กลับอีกฝ่ายหนึ่ง กระทั่งเรื่องยืดเยื้อมาถึงปลายปี ต่างฝ่ายต่างแยกเวทีจัดประชุม โดยซีกนายธนิตยื่นข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่ายเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ฟากนายพยุงศักดิ์ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว พร้อมขู่ว่าจะฟ้องร้องหากฝ่ายนายธนิตนำชื่อของ ส.อ.ท.ไปสร้างประโยชน์หรือใช้ดำเนินการใดๆ ที่สุดนายธนิตยอมถอยหนึ่งก้าวขอนัดหารือนายพยุงศักดิ์หลังปีใหม่ เพื่อตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ตั้งเป้าจะจบปัญหาก่อนวันที่ 21 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นวันนัดประชุมกรรมการ ส.อ.ท.

แต่หากไม่ได้ข้อ สรุป คงได้เห็นภาพการขอเข้าใช้สถานที่จัดประชุมโดยมีตำรวจรายล้อมตามคำสั่งของนาย พยุงศักดิ์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว รวมทั้งการฟ้องร้องทางคดีที่ขู่ไว้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2555

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356924461&grpid=01&catid=&subcatid=

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"การเมือง"ปี 56 "เดือด"ข้ามศักราช สัญญาณจาก"ป๋าเปรม"

"การเมือง"ปี 56 "เดือด"ข้ามศักราช สัญญาณจาก"ป๋าเปรม"

 



สัปดาห์สุดท้ายปี 2555 การเมืองไทยยังร้อนฉ่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ประชุมพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพกันอีกครั้ง

ครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อดำเนินคดีข้อหาพยายาม ฆ่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เป็นเจ้าทุกข์ กล่าวหาศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เป็นผู้กระทำ

ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ

เท่ากับว่า นอกจากคดี "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" แล้ว ข้อหา "พยายามฆ่า" ยังเป็นอีกกระทงหนึ่งที่ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ถูกกล่าวหา

และ นับจากนี้เป็นต้นไป ผู้ได้รับบาดเจ็บจะทยอยกันเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนมีทีท่าจะดำเนินการเป็นรายคดีซึ่งตามกระแสข่าวที่สะพัด กรมสอบสวนคดีพิเศษรับสำนวนจากตำรวจมาแล้ว

เบื้องต้นระบุว่า มีรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บในสำนวน 700 ราย ขณะที่มีคำยืนยันว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาดังกล่าวพุ่งสูงถึง 2,000 ราย

คดีนี้ย่อมสร้างความร้อนฉ่าให้ฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับฝ่ายรัฐบาล เรื่องสุดฮอตต้องเร่งดำเนินการ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ล่าสุดมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อหาทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้ง นี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่เปิดให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งหมด อาจเข้าข่ายล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับเดิม

โทษฐานล้มล้างรัฐธรรมนูญนั้นสาหัส...ถึงยุบพรรค

มีคำแนะนำว่า การดำเนินการใดๆ กับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สมควรแก้เป็นรายมาตรา และทำประชามติ

ผลจากคำวินิจฉัยทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ต้องสะดุดลงที่วาระ 3 เพราะเกิดข้อสงสัยตามมาหลายประการ โดยเฉพาะการทำประชามติ
  
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356842726&grpid=01&catid=&subcatid=

สัมภาษณ์ วรดุลย์ ตุลารักษ์ ก่อนค่าแรง 300 ทั้งแผ่นดิน(1 ม.ค.นี้)

สัมภาษณ์ วรดุลย์ ตุลารักษ์ ก่อนค่าแรง 300 ทั้งแผ่นดิน(1 ม.ค.นี้)

 

 


นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยได้ชูนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ ในช่วงเลือกตั้งปีที่แล้ว ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหาเสียงและหลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้ออกมากล่าวว่านโยบายนี่จะทำให้คนตกงาน[1] แต่หลังจากนั้นในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานายอภิสิทธิ์[2] ก็ได้ลุกขึ้นอภิปรายทวงนโยบายนี้ โดยอ้างว่า “ท่านได้สร้างความคาดหวังไว้แล้ว ท่านต้องทำ และ ทำทันทีอย่างที่ได้ประกาศไว้" และ ล่าสุด(29 ธ.ค.)นายอภิสิทธิ์[3]  ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลออกระบบการดูชดเชยอุตสหกรรมที่ตกอยู่ภายใต้ความ เสียงจากนโยบายนี้  และยังมองว่ารัฐดำเนินการไปน้อยและไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่แตกต่างด้วย

อย่างไรก็ตามการขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศก็เข้าใกล้ความจริงมากแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการขึ้นใน 7 จังหวัดนำร่อง และเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาก็ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วว่าให้จังหวัดที่เหลือมี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.56 นี้ จึงยิ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในส่วนที่สนับสนุนและคัดค้าน โดยเฉพาะบรรดาภาคธุรกิจที่ออกมาขู่ว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตปิดโรงงาน เป็นต้น แน่นอนว่านโยบายที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท นี้ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างขั้นต่ำที่ก้าวกระโดดเท่านั้น ยังหมายรวมถึงการขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ ที่จากเดิมมีการแบ่งโซนค่าจ้าง สิ่งนี้จะคาดการณ์ได้ว่าย่อมส่งผลต่อโครงสร้างตลาดแรงงานและระบบเศรษฐกิจใน อนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้น ก่อนจะถึงวัน ดี-เดย์ 1 ม.ค.นี้ ทางประชาไท จึงได้สัมภาษณ์คุณวรดุลย์ ตุลารักษ์ นักวิจัยด้านเศรษฐกิจและแรงงาน เพื่อพิจารณ์นโยบายนี้ และมองไปข้างหน้าประเทศไทยหลัง 300 บาททั้งแผ่นดินว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/12/44448

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การจัดตั้งพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของชนชั้นกรรมาชีพ

การจัดตั้งพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของชนชั้นกรรมาชีพ 


 

พรรคจะต้องเป็นแหล่งรวมของประสบการณ์และทฤษฎีการ ต่อสู้ แหล่งรวมของนักเคลื่อนไหวไฟแรง และเป็นเครื่องมือในการประสานงานและปลุกระดมการต่อสู้ในหมู่กรรมาชีพและคนจน พรรคเปรียบเสมือน “ลูกสูบ” ไอน้ำ และ “คลังความรู้ของกรรมาชีพ”

เรียบเรียงโดย  เรด ชิป(Red ship)


หากถามว่าพรรคการเมืองปัจจุบันเป็นตัวแทนของชนชั้นใด คำตอบคือ “พรรคนายทุน” ไม่มีพรรคใดเลยที่ต่อสู้บนจุดยืนผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง บางนโยบายอาจจะเอื้อต่อการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ก็เป็นเพียงการสร้างภาพ หรือผลประโยชน์เฉพาะหน้าเพียงช่วงสั้นๆ นั่นหมายความว่าเรามีแต่พรรคฝ่ายขวาที่เสนอแนวทางทุนนิยมเสรี และฝ่ายขวาจัดที่เป็นเครือข่ายอำมาตยาธิปไตย  หลักใหญ่ 3 ประการในการสร้างพรรคสังคมนิยมของกรรมาชีพ ซึ่งต่างกับพรรคแบบนายทุนอย่างสิ้นเชิง คือ

พรรคของกรรมาชีพต้องยึดถือผลประโยชน์ทางชนชั้น โดยยึดกรรมาชีพและคนจนเป็นหลัก ต้องไม่เสนอให้มีการสร้างแนวร่วมระหว่างกรรมาชีพกับศัตรูอย่างนายทุนอย่าง ที่ พ.ค.ท. (พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย) เคยเสนอไว้ และพ่ายแพ้ไปในที่สุด หรืออย่างพรรคเพื่อไทยที่เสนอแนวนโยบายประชานิยม

พรรคสังคมนิยมต้องไม่หลงคล้อยตามกระแส “เพื่อชาติ” ซึ่งในรูปธรรมแปลว่า “เพื่อนายทุนและอนุรักษ์ระบบเดิมๆ” พรรคจึงต้องเป็นตัวแทนผู้ใช้แรงงานทั้งมวลในการเรียกร้องอัตราค่าจ้างขั้น ต่ำที่สูงกว่าปัจจุบัน การที่พรรคเพื่อไทยกำหนดให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท แต่ประวิงเวลาหลังจากเป็นรัฐบาลเกือบปีครึ่ง ถือเป็นการหลอกลวง เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นตลอด ค่าเงินบาทก็ลดลงโดยตลอด

ประการที่สองพรรคจะต้องมีประชาธิปไตยภายใน ไม่ใช่เป็นพรรคของ “ผู้ใหญ่” คนใดคนหนึ่ง ดังนั้นต้องมีโครงสร้างและระเบียบที่ชัดเจนเพื่อให้สมาชิกธรรมดาร่วมกันเป็น ผู้ควบคุมนโยบาย ควบคุมผู้นำ และกำกับการทำงานของผู้แทนพรรคในสภาได้ตลอดเวลา ตรงนี้นอกจากจะต่างกับพรรคนายทุนแล้วจะต่างกับพรรคเผด็จการสตาลิน-เหมาแบบ  พ.ค.ท. ด้วย

เราควรเข้าใจว่าขั้นตอนของการตั้งพรรคไม่เกี่ยวอะไรเลยกับ “การไปเชิญผู้มีชื่อเสียงคนโน้นคนนี้มาเป็นหัวหน้า”

ประการที่สามพรรคสังคมนิยมของกรรมาชีพต้องอาศัยเงินทุนที่เก็บจากสมาชิกใน อัตราก้าวหน้า คือสมาชิกที่มีเงินเดือนสูงจ่ายมาก ส่วนสมาชิกที่มีรายได้น้อยจ่ายน้อย แต่ทุกคนต้องจ่ายค่าสมาชิกเพื่อให้พรรคเป็นพรรคแท้ของคนจน ไม่ใช่ไปพึ่งเงินทุนจากที่อื่น หรือจากกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และตกเป็นเครื่องมือของใครคนใดคนหนึ่ง

ถึงแม้ว่าพรรคจะมีทุนน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ได้เปรียบพรรคนายทุนคือการเป็นพรรคของมวลชนจริง การดึงคนมาสนับสนุนพรรคจึงทำภายใต้นโยบายที่ชัดเจน ผู้สนับสนุนพรรค นอกจากเข้าร่วมภายใต้นโยบายของพรรคแล้ว ยังได้รับการส่งเสริมให้นำตนเอง และมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบายด้วย

เผย"คนไร้ศาสนา"เพิ่มมากขึ้น ครองอันดับ 3 ของโลก"คริสต์"ครองแชมป์คนนับถือมากที่สุด

เผย"คนไร้ศาสนา"เพิ่มมากขึ้น ครองอันดับ 3 ของโลก"คริสต์"ครองแชมป์คนนับถือมากที่สุด



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการจัยในชื่อ “ภูมิทัศน์ในการนับถือศาสนาของคนทั่ว โลก” โดย “พิว” (The Pew Forum on Religion & Public Life) รวบรวมข้อมูลจากสถิติในปี พ.ศ.2553 พบว่า ประชากรโลกที่ระบุว่าตัวเองเป็นคน “ไร้ศาสนา” หรือ “ไม่ผูกพันกับศาสนาใด” มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนติดอันดับ 3 ในขณะที่ศาสนาอิสลามและฮินดูมีแนวโน้มว่าคนจะนับถือมากที่สุดในโลก ส่วนศาสนายิวเป็นศาสนาที่มีแนวโน้มลดลงมากที่สุด 

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356778841&grpid=&catid=06&subcatid=0600

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand
 

จากราชวงศ์ชิงถึงกษัตริย์เบลเยียม

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555 ตอน 2  
จากราชวงศ์ชิงถึงกษัตริย์เบลเยียม
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded& v=spwG6JzDExo 
 
แตกต่างอย่างเป็นมิตร ในเวอร์ชั่น 'ป๋า' 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555 ตอน 1 
แตกต่างอย่างเป็นมิตร ในเวอร์ชั่น 'ป๋า'
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=LNGPwq93DBs     

The Daily Dose ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555

The Daily Dose ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555



รัฐบาลอัฟกานิสถานระงับโครงการที่ทำลายโบราณสถาน 
 
รัฐบาลอัฟกานิสถานระงับโครงการที่ทำลายโบราณสถาน
http://www.dailymotion.com/video/xw9p1q_ 

Divas Café ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555

Divas Café ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555


Unfortunately he was born   

Unfortunately he was born
http://www.dailymotion.com/video/xw9dk6_unfortunately-he-was-born_news#.UN-zAKxhUlU 

พลวัต ตัวเลข คะแนน ความนิยม "ประชามติ"

พลวัต ตัวเลข คะแนน ความนิยม "ประชามติ"


 
 


ไม่ว่าความเห็นต่อการทำประชามติว่าเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ไม่ว่าความเห็นต่อการทำประชามติว่าเหมือนกับเดินลงเหว

ในที่สุด ก็เท่ากับเป็นการยอมรับ

ยอมรับว่ายากลำบากเป็นอย่างยิ่งในการที่จะขยายจำนวนเสียงจาก 15 ล้านเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ให้ทะยานไปยัง 24.6 ล้านนั้น

เพราะเป็นจำนวนที่มากกว่า 9 ล้าน

แม้ว่าเมื่อผนวกรวมเสียงของ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล เข้ามาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเศษๆ

กระนั้น 8 ล้านที่เหลืออยู่ก็หืดขึ้นคอ

การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวผ่านโฟนอิน ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ นครราชสีมา เมื่อกลางดึกของวันที่ 22 ธันวาคม ว่า

"หมูมาก"

จึงขัดกับอุปมาของบางท่านที่ว่าเหมือนกำลังเดินลงเหว ขัดกับอุปมาของบางท่านที่ว่าเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา

8 ล้านเสียงหมูจริงละหรือ

ส่งท้ายปีเก่า 2555 ส่องบทบาท "สื่อไทย" "พิษ" จากรัฐประหาร 2549

ส่งท้ายปีเก่า 2555 ส่องบทบาท "สื่อไทย" "พิษ" จากรัฐประหาร 2549



แวดวงสื่อประเทศไทย ปี พ.ศ.2555 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป หากมองในเชิงสรุป ถือเป็นอีกปีหนึ่งของความขัดแย้งภายในวงการ

เป็นความขัดแย้งในเรื่องแนวคิด และมาตรฐานการทำหน้าที่สื่อ

ขณะที่องค์กรสื่อเอง ยังไม่สามารถกำหนดจุดยืนและท่าทีที่เหมาะสมได้ในสถานการณ์ต่างๆ

ปัญหาสำคัญของวงการสื่อ ได้แก่ การถูกแทรกแซงจากอำนาจภายนอก

ข้อ เขียนของนักวิชาการอิสระทางด้านสื่อ ตลอดจนคอลัมนิสต์-นักเขียนที่จับตามองบทบาทสื่อ วิเคราะห์คล้ายๆ กันอยู่ประเด็นหนึ่งว่า ต้นเหตุของความ "เป๋" ของสื่อไทยบางส่วน เป็นผลจากการถูกครอบงำโดยกลุ่มอำนาจที่มีบทบาททางการตั้งแต่หลังการรัฐ ประหารเมื่อปี 2549

นักวิชาการอย่าง พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ถึงกับชี้ว่า สื่อไทยนั้นมือเปื้อนเลือดไม่แพ้ฝ่ายอื่นๆ ในวิกฤตการเมืองที่มีประชาชนล้มตายมากมาย

รัฐประหารปี 2549 อาจจะดูผิดที่ผิดทาง และไม่ช่วยให้ผู้นำรัฐประหารได้ดีทางการเมืองอย่างจีรังยั่งยืน

แต่ ความสำเร็จของการรัฐประหารหากมองจากมุมของผู้ก่อการรัฐประหาร คือการสร้าง "เครือข่ายอำนาจ" ผ่านทางรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยังทำหน้าที่ต่อต้าน "ทักษิณ" อย่างแข็งขันมาจนปัจจุบัน

แม้ผู้นำรัฐประหาร อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะเกิดอาการ "ตาสว่าง" และพยายามจะล้มรัฐธรรมนูญที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองแท้ๆ ก็ยังทำไม่สำเร็จ

หนึ่งใน "เครือข่าย" ที่คณะรัฐประหารและรัฐธรรมนูญ 2550 สร้างขึ้น ก็คือเครือข่ายของสื่อมวลชนนี่เอง

ตอนรัฐประหาร 2549 สื่อไทยจำนวนมากรับไม่ได้กับท่าทีผู้นำที่แข็งกร้าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น

แต่การรัฐประหาร 2549 ทำให้สถานการณ์พลิกไปอีก เนื่องจากสื่อจำนวนหนึ่ง เห็นว่าประเทศไทยกำลังก้าวเดินผิดทาง

แม้จะไม่ชอบทักษิณ แต่ก็รับไม่ได้ที่จะโค่นล้มกันด้วยวิธีการนอกระบบ

สื่อ หลายสำนัก พยายามตีปี๊บโหมชื่นชมรัฐประหาร เสนอข่าวความน่ารักกุ๊กกิ๊กของการยึดอำนาจ มีเด็กนักเรียนไปถ่ายรูปกับรถถัง ประชาชนนำดอกไม้ไปให้ นำโคโยตี้ไปเต้นให้ทหารชม

แต่ไม่ช่วยให้การรัฐประหารกลายเป็นความถูกต้องขึ้นมาได้

การ แจกจ่ายตำแหน่งทางการเมือง ในสภานิติบัญญัติบ้าง ในสภาร่างรัฐธรรมนูญบ้าง ให้กับบุคคลจากวงการสื่อ แม้กระทั่งคนระดับ "ประธานสภาหนังสือพิมพ์" และนายกสมาคมนักข่าวฯ ขณะนั้น ก็ยังเข้าไปอยู่ในวงจรนี้

ทำให้สื่อบางส่วนเทใจให้กับภารกิจต่อต้านทักษิณ และสนับสนุนรัฐบาลหลังการรัฐประหารที่นำโดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

และสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เป็นรัฐบาลด้วยการสนับสนุนของกองทัพ แม้ไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 จากการเลือกตั้งก็ตาม

กรณี ดังกล่าว เป็นสาเหตุของวิกฤตการเมืองใหญ่ในเวลาต่อมา เมื่อคนเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล

ด้วยการชุมนุมใหญ่ในเดือนเมษายน 2552 แต่ถูกสลาย และชุมนุมอีกครั้งในปี 2553 ถูกสลายด้วยกำลังทหาร มีผู้เสียชีวิต 99-100 ศพ บาดเจ็บ 2,000 ราย

ก่อนสลายม็อบในเดือนเมษายน 2553 มีคอลัมนิสต์จากสื่อบางฉบับเขียนเชียร์ให้รัฐบาลใช้มาตรการรุนแรง โดยให้นายกฯ ยอมมือเปื้อนเลือด
 
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356769335&grpid=01&catid=&subcatid=

งานรดน้ำศพ นายวันชัย รักสงวนศิลป์

งานรดน้ำศพ นายวันชัย รักสงวนศิลป์




 


กิ๊บเก๋พาไปงานรดน้ำศพ นายวันชัย รักสงวนศิลป์ นักโทษทางการเมืองที่เสียชีวิตในเรือนจำ ที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ ลาดพร้าว 71 กรุงเทพมหานคร วันที่ 29 ธันวาคม 2555

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=lSz2MP4MhQg

เตรียมนำศพผู้ต้องขังเสื้อแดงกลับบ้าน แม่วอนรัฐบาลช่วยนักโทษการเมือง


http://www.prachatai.com/journal/2012/12/44447 

ทวงความเป็นธรรมให้ วันชัย รักสงวนศิลป์

ทวงความเป็นธรรมให้ วันชัย รักสงวนศิลป์

   

 
Red Shirt prisoner / Wanchai Raksa-Nguansilp dies in Lak Si prison

I waver sometimes .......... between the atheists and the agnostics, but if there is an afterlife, then do not rest easy, but these guys also afflicting spirit as yet ........

Hi Thailand PM Thaksin Yingluck and prisoners! : Other grinning figures a la S.Suthep and Abhisit ..

  .. You still have max. a few years to tidy up. Go ahead!
Mindful of this judicial victims who sacrificed himself .. What for, please?

Let think anyone can hear what may have Wanchai Raksa-Nguansilp probably thought last ..
With great respect!
All 'Brothers' of Thai Wat, may call Buddha - To please and keep him to Fulfil his message ..
Greetings to ..

เขาให้คุณหมดตัวแล้ว แม้แต่ลมหายใจ คุณล่ะ จะให้อะไรแก่เพื่อนร่วมรบของเราบ้าง?
 
ไม้หนึ่ง ทวงความเป็นธรรมให้ วันชัย
http://www.youtube.com/watch?v=B1fLDwnLHDw&feature=share


อ หวาน เรียกร้องความเป็นธรรมให้ วันชัย รักสงวนศิลป์
http://www.youtube.com/watch?v=5ukEiT9F5h8&feature=share 


3 ขบวนแห่ศพ คุณวันชัย รักสงวนศิลป์ 29 12 2012
http://www.youtube.com/watch?v=P3W3fiq_O1A&feature=share


4 ขบวนแห่ศพ คุณวันชัย รักสงวนศิลป์ 29 12 2012
http://www.youtube.com/watch?v=0g85Yy0NWNI&feature=share 

5 ขบวนแห่ศพ คุณวันชัย รักสงวนศิลป์ 29 12 2012
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=USfYpR0KgvI#!

6 ขบวนแห่ศพ คุณวันชัย รักสงวนศิลป์ 29 12 2012
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=WmlkqmTdaQk 

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เสรีนิยมใหม่ กับมหาวิทยาลัยจำกัด (มหาชน)

เสรีนิยมใหม่ กับมหาวิทยาลัยจำกัด (มหาชน)

 


โดย เกรียงศักดิ์ ธีรโกวิทขจร


ถ้า หากจะมีสถาบันใดในสังคมที่เป็นรากฐานสำคัญของประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสถาบันสุดท้ายที่ผู้คนนึกถึงเมื่อพูดถึงประชาธิปไตย แล้วนั่นคือมหาวิทยาลัย

ในอดีต ขบวนการนักศึกษา กลไกสำคัญในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วโลกฟูมฟักอุดมการณ์ ประชาธิปไตยจากในห้องเรียน เช่นในทศวรรษ 1950s ขบวนการนักศึกษาในสหรัฐอเมริกากลายเป็นกำลังสำคัญในการเรียกร้องสิทธิ พลเมืองให้กับคนผิวสี รวมทั้งสิทธิสตรีและสิทธิของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ขณะที่การรณรงค์ต่อต้านสงครามก่อตัวขึ้นจากภายในรั้วมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ส่วนในมหาวิทยาลัยไทย ปีกเสรีนิยมของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยก็เกิดขึ้น (และถูกทำลาย) ภายในมหาวิทยาลัย เช่น ธรรมศาสตร์

แต่การสุดสิ้นของสงครามเย็นและระบอบสังคมนิยมในรัสเซีย รวมถึงการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจในระดับโลกนับจากปลายทศวรรษ 1970s ทำให้บทบาทของมหาวิทยาลัยในสังคมตะวันตกเปลี่ยนแปลงไปมาก การปฏิรูปนโยบายสาธารณะที่นำโดยสหรัฐฯและอังกฤษ ที่มุ่งลดบทบาทของรัฐในฐานะผู้จัดหาบริการสาธารณะเช่น การศึกษาขั้นสูงทำให้มหาวิทยาลัยลดความเป็นสถาบันสาธารณะลงไปตามลำดับ ความสำคัญของมหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันหลักที่บ่มเพาะอุดมการณ์ด้านสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตยจึงเกือบสูญหายไป มหาวิทยาลัยแทบกลายเป็นเพียงโรงงานป้อนวัตถุดิบให้กับระบบตลาด

นักวิชาการในตะวันตกเรียกแนวคิดเบื้องหลังการปฏิรูปนโยบายสาธารณะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวว่า “เสรีนิยมใหม่”

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand


ไม่มีใครอยากให้เจอชายชุดดำ

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2555 ตอน 2      
ไม่มีใครอยากให้เจอชายชุดดำ
http://www.dailymotion.com/video/xw898i_
  

ทำข่าวไม่เน้น เน้นตั้งฉายา

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2555 ตอน 
ทำข่าวไม่เน้น เน้นตั้งฉายา
http://www.dailymotion.com/video/xw88oe   

The Daily Dose ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2555

The Daily Dose ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2555


พระพยอม กัลยาโณกับอนาคตเเห่งการปรองดองทางการเมือง  

พระพยอม กัลยาโณกับอนาคตเเห่งการปรองดองทางการเมือง
http://www.dailymotion.com/video/xw8n5n_