"รัฐไทยก่อรุนแรง" แกนนำ"บีอาร์เอ็น"แพร่คลิปรอบ3อัดรัฐบาล อ้างทำชาวปาตานีถูกทำร้าย-รังแก
ชัดเจนทุกถ้อยคำ ก่อนหน้าที่เกิดเหตุก็จะโยนว่าโจรใต้อย่างเดียว แต่วันนี้เขาออกประกาศชัดเจนเลย
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=9vCoPDi80Rc
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายฮัสซัน ตอยิบ และนายอับดุลการิม คาลิบ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ได้แถลงผ่านคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางเว็บไซต์ youtube ความยาว 4.34 นาที เนื้อหาโดยสรุประบุว่า หลังจากมีการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนรัฐไทย และบีอาร์เอ็นเรียกร้อง 5 ข้อ ก็มีการก่อความรุนแรงกับชาวปาตานีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุการณ์กราดยิง 6 ศพ ที่เกิดขึ้นในตัวเมืองปัตตานี เมื่อค่ำวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยที่แกนนำบีอาร์เอ็นรายนี้ได้มีการพูดพาดพิงถึงการนำเสนอข่าวของสื่อไทย ด้วย
นายอับดุลการิม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาในรอบหลายปี เกิดเหตุที่ไอร์ปาแย (กราดยิงในมัสยิด อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส) ที่บองอ (อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุกราดยิงชาวบ้าน) ที่กาโสด (อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุกราดยิงร้านน้ำชา) กราดยิงปอเนาะ เป็นที่รู้กัน อยากฝากให้รัฐไทยเลิกสร้างความรุนแรงต่อชาวปาตานี โดยเฉพาะโต๊ะอิหม่าม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู อุสตาซ อบต.
"ถ้าเราจะกล่าวถึงความวุ่นวายที่ปัตตานี เราจะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ปัตตานี หลังจากสยามเข้ามาปกครองเมื่อปี 1785 ได้มีการกระทำการข่มเหง ทารุณกรรม กดขี่ต่อชาวปัตตานี จึงเกิดกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน เพื่อความเป็นอิสระหรือเอกราชและให้หลุดพ้นจากการถูกข่มเหง และกดขี่จากรัฐสยามไปสู่ความสงบสุข"
"หลังจากเจรจาเมื่อ 28 ก.พ. 2556 ได้ขอความยุติธรรมแก่ชาวปัตตานี ให้ลดการข่มเหง การกดขี่ต่อชาวปัตตานี โดยเสนอเงื่อนไข 5 ข้อ ก่อนจะมีการสนทนาระหว่างผู้ปกครองชาวสยามและกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 29 เม.ย. ได้แก่ 1.ผู้ปกครองชาวสยามจะต้องยอมรับบทบาทของรัฐบาลมาเลเซียในฐานะ "ตัวกลาง" ในการสนทนา 2.การสนทนาที่จะเกิดขึ้นจะจำกัดวงเฉพาะตัวแทนชาวมลายู ซึ่งนำโดยกลุ่มบีอาร์เอ็น ร่วมกับคณะผู้ปกครองชาวสยาม 3.จะต้องอนุญาตให้กลุ่มผู้สังเกตการณ์จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน องค์การความร่วมมือแห่งศาสนาอิสลาม (โอไอซี) และองค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ (เอ็นจีโอ) เข้าร่วมในการสนทนาด้วย 4.ผู้ปกครองชาวสยาม จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาอย่างไม่มีเงื่อนไข และจะต้องระงับการออกหมายจับผู้ต้องสงสัย และ 5.จะต้องยอมรับสถานะของกลุ่มบีอาร์เอ็นในฐานะองค์กร เพื่อการปลดปล่อยปัตตานี มิใช่กลุ่มแบ่งแยกดินแดน
จากนั้น นายฮัสซัน กล่าวเป็นคนต่อมาว่า หลังจากที่ไทยปกครองปาตานี ทำให้ประชาชนปาตานีถูกรังแก ทำร้าย ทำให้เกิดบีอาร์เอ็นขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยจากการปกครองของไทย บีอาร์เอ็นเป็นตัวแทนประชาชน
"การประกาศประชาสัมพันธ์ในนามประชาชาติชาวปัตตานีครั้งนี้ จะกล่าวถึงเป้าประสงค์ของบีอาร์เอ็น เพื่อความเป็นเอกภาพของชนชาติมลายูปัตตานี บนฐานของการยอมรับในประชาสังคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวปัตตานี เพื่อความเป็นเอกภาพของชาวปัตตานี และเป็นประชาชาติที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นการปลดปล่อยจากการถูกกดขี่ มีความเป็นเอกราช
หลังจากนั้น เราสามารถบริหารจัดการในทุกๆ ด้าน หรือปกครองบนฐานของความยุติธรรมให้มากที่สุด สุดท้ายนี้ เราขอให้ชาวปัตตานีและทุกชาติพันธุ์ที่อยู่บนแผ่นดินปัตตานี ไม่ว่าจะเป็นชาวสยาม หรือชาวจีน ไม่ต้องกังวล หรือหวาดระแวงในความยุติธรรมที่จะได้รับ กลุ่มบีอาร์เอ็นทำไป หรือต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความสงบสุข เป็นประชาชาติที่ดี และได้รับการอภัยจากอัลลอฮฺ (อัลลอฮ์)"
ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่มีการเผยแพร่มาจาก บุคคลที่อ้างตัวว่า เป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งจริงๆ มีการอัพโหลดเผยแพร่มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม จากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งมีคลิปจาก ฮัจญี อาดัม มูฮำหมัด นูร (Hj. Adam Muhammad Nur) ซึ่งอ้างว่า เป็นสต๊าฟของคณะพูดคุยเจรจา และเป็นสมาชิกบีอาร์เอ็น ออกมาขยายความและให้เหตุผลเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นที่เสนอต่อรัฐไทยก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า คลิปวิดีโอทั้งหมด น่าจะบันทึกจากสถานที่เดียวกัน และมีรูปแบบการจัดวางมุมกล้องคล้ายคลึงกัน
ทั้งนี้ ในวันที่ 13 มิถุนายน นี้ จะมีการพูดคุยสันติภาพรอบที่ 3 กันอีกครั้ง ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) .กับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ในกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กลุ่มก่อความไม่สงบออกมาก่อเหตุบ่อยครั้ง ในช่วงหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง ภายหลังเปิดพื้นที่เจรจาพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ ซึ่งจำเป็นต้องติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงใน พื้นที่ จว.ชายแดนภาคใต้ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาพูดคุยสันติภาพ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์กราดยิงร้านน้ำชา เลขที่ 17/12 ในพื้นที่หมู่ 5 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี เป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ตั้ง นายวิสุทธิ์ สิงขจรวรกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาบริหาร จว.ชายแดนภาคใต้ ขึ้นเป็นเป็นประธาน และมีนายประมุข ลมุล ผวจ.ปัตตานี เป็นรองประธานคณะตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด
ขณะที่ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงร้านน้ำชาก่อนจะลงมาจ่อยิงซ้ำทำให้มีชาว บ้านเสียชีวิต 6 ศพ ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีเด็กอายุเพียง 2 ขวบ รวมอยู่ด้วยนั้นได้ข้อสรุปในที่ประชุมออกมาว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความ ไม่สงบก่อเหตุรุนแรง เพื่อตอบโต้การกดดับจับกุมของฝ่าย จนท.
นายประมุข ลมุล ผวจ.ปัตตานี/รองประธาน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง เปิดเผยว่าที่ประชุมของคณะกรรมการฯ ได้มีการสรุปผลกาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากเหตุความไม่สงบที่กลุ่มผู้ ก่อเหตุรุนแรงได้กระทำต่อประชาชน ซึ่งจากที่ก่อนหน้านี้หน่วยความมั่นคงได้มีการทำงานเชิงรุกในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่ ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี พื้นที่เกิดเหตุ จึงเป็นไปได้ว่าจากการทำงานในเชิงรุกทั้งหลายนั้นทำให้กลุ่มก่อเหตุรุนแรง ไม่พอใจ จนต้องตอบโต้การกระทำของฝ่าย จนท. เช่นเดียวกับการมากระทำต่อประชาชน
ส่วนอาวุธปืนสงคราม 1 ใน 4 กระบอกที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุยิงตรวจสอบแล้วก็ยังพบว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุ ต่างๆ มาก่อนแล้วหลายคดี ทั้งที่เป็นพี่น้องชาวไทยพุทธและพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในกรณีหนึ่งก็คือได้เคยนำไปกระทำต่อผู้นำศาสนาอิสลามรายหนึ่งด้วย
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369879609&grpid=&catid=19&subcatid=1906
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น