หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แยงกี้มา แล้วแยงกี้ก็ไป YANKEE COMES, YANKEE GOES (HOME)

แยงกี้มา แล้วแยงกี้ก็ไป YANKEE COMES, YANKEE GOES (HOME)



พูดเล่นน่ะ

ไม่ได้จะต้านแยงกี้ ถือป้าย

"YANKEE GO HOME"
ให้แยงกี้กลับบ้านไปซะไป๊อย่างในอดีต เหมือนผู้คนในบรรดาประเทศที่ต่อต้านสหรัฐเวลาไปตั้งฐานทัพในบ้านเมืองของเขา

แต่ ในเมื่อเห็นท่านโอบามาเยือนมาหลายประเทศในภูมิภาคนี้อย่างรวดเร็ว เหมือนผีเสื้อดอมดอกไม้ โฉบมาที่ดอกนี้นิด แล้วกระพือปีกไปที่ดอกนั้นหน่อย ก่อนจะร่อนไปดมดอกโน้น ทำเวลายิ่งกว่าพวกทัวร์ประเภทเที่ยว "ห้าประเทศในเจ็ดวัน" เลยนึกขำๆ ว่า

"แยงกี้มา แล้วแยงกี้ก็ (กลับบ้าน) ไป"

ถึง จะเป็นอเมริกัน แต่ดูยังไงๆ ท่านโอบามาก็ไม่เหมือนแยงกี้ ทั้งๆ ที่เป็นประธานาธิบดีของพวกแยงกี้ เพราะที่ผ่านมาล้วนเป็นฝรั่งผิวขาว ตั้งแต่เบอร์ 1 "จอร์จ วอชิงตัน" ยันเบอร์ 43 "จอร์จ ดับเบิลยู. บุช" แต่ความเป็น "ลูกครึ่ง" กลับช่วยให้ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐผู้นี้มีความเป็น "อินเตอร์" มากกว่าคนไหนๆ

คำว่า "แยงกี้" ที่ชาติอื่นๆ ในโลกใช้เรียกสหรัฐและคนอเมริกันมาตั้งแต่สงครามโลกนั้น มีความหมายต่างไปในอเมริกา

สำหรับ คนอเมริกันเอง "แยงกี้" มักหมายถึงฝรั่งอเมริกันที่ทางแถบชายฝั่งตะวันออก หรือ East Coast ติดมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นแหล่งที่ฝรั่งจากยุโรปมาตั้งรกรากก่อนแถบอื่น

คนแถว อิสต์โคสท์ โดยเฉพาะพวกแถบ New England อันมีบอสตันเป็นเมืองสำคัญ คือพวกที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อกบฏ เพื่อแยกอเมริกาออกจากอังกฤษ และตั้งเป็นประเทศใหม่ อย่างที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า American Revolution หรือปฏิวัติอเมริกา (ค.ศ.1775-1783)

นอกจากนายทุน ชนชั้นสูง และปัญญาชนหยิบมือหนึ่งแล้ว คนแถบนี้ล้วนเป็นชนชั้นรากหญ้าที่ย้ายไปจากยุโรป ทหารอังกฤษสมัยนั้นจึงเรียกคนแถบนี้ว่า "แยงกี้" ความหมายเป็นไปในเชิงดูถูกว่าเป็นไอ้เชย ไอ้ซื่อบื้อ ไอ้บ้านนอก ไม่ต่างจากน้ำเสียงคนไทยนิสัยไม่ดีที่เคยเรียกชาวลาวว่า "บักเสี่ยว" 



ทหาร ของกลุ่มกบฏแยงกี้ ล้วนกะเร่อกะร่า ไร้การฝึกฝนที่ถูกต้อง เครื่องแบบก็ไม่มี แต่งตัวกันตามมีตามเกิด เห็นแล้วชวนหัวร่อมากกว่าชวนหัวหด

ทหารอังกฤษเจอฝ่ายศัตรูอย่างแยง กี้แล้วหัวเราะกันแทบตาย ไอ้เร่อร่าอย่างนี้หรือจะมารบกับกองทัพที่ได้ชื่อว่าทรงอานุภาพที่สุดในโลก จึงนำทำนองเพลงเก่าแก่มาใส่เนื้อร้องล้อเลียนความเชยของพวกแยงกี้



เพลง นี้มีชื่อว่า Yankee Doodle หรือบางทีก็เรียกว่า Yankee Doodle Dandy คำว่า doodle/ดูเดิ้ล ในที่นี้มาจากคำเยอรมันสมัยเก่า แปลว่าโง่หรือซื่อบื้อ

**Yankee Doodle came to town

Riding on a pony;

He stuck a feather in his hat

And called it macaroni.

Yankee Doodle, keep it up,

Yankee Doodle dandy;

Mind the music and the step,

And with the girls be handy.**

ตาม เนื้อเพลงนั้น ขนาดจะขี่มาเข้ามาโชว์ตัวในเมือง แยงกี้ยังขี่ม้าแกรบ (pony) และแค่เอาขนนกปักหมวกมาหน่อยก็นึกว่าเก๋แบบพวกชั้นสูงที่เขาใส่วิกกัน (วิกที่ว่าเป็นทำเป็นหลอดๆ แบบมะกะโรนี)

แต่คนอเมริกันมีนิสัยติดตลก มานานแล้ว เมื่อโดยผู้ดี (หรือผู้ร้าย) อังกฤษเรียกอย่างนั้น แทนที่จะโกรธ กลับเห็นเป็นขบขัน เรียกตัวเองว่า "แยงกี้" เสียเลยให้รู้แล้วรู้รอดไป แถมยังใส่เนื้อเพลงปลุกใจลงไปในทำนองเพลง Yankee Doodle ด้วย

เอาไว้ร้องตอนสู้กับอังกฤษ

ทุกวันนี้่คนอเมริกันยังถือว่า Yankee Doodle เป็นเพลงประจำชาติเพลงหนึ่ง
พิลึกไหมนี่

แต่ พอมองประวัติศาสตร์ตอนนั้นด้วยสายตาไทยๆ แล้ว ยังนึกไม่ออกว่า "กองทัพชาวบ้าน" ของแยงกี้กับ "กองทัพหลวง" ของอังกฤษในสมัยนั้น ใครซื่อบื้อกว่ากัน

ก็เวลาเข้าสมรภูมิ กองทัพอังกฤษจะใส่เครื่องแบบงามสง่าสีแดงแจ๋ ถือปืนดาหน้ากันเข้ามาอย่างเป็นระเบียบทีละแถวๆ เป็นเป้าปืนอันสุดวิเศษให้แก่กองทัพอ่อนหัด ที่ใช้วิธีแบบกองโจรของแยงกี้

อย่างนี้เอง กองทัพหลวงของอังกฤษ จึงต้องลงเรือวิ่งหนีพวกแยงกี้ไปในที่สุด

เมื่อ ประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1776 แล้ว อีกไม่ถึงร้อยปีอเมริกาก็หันมาตีกันเอง เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในปี ค.ศ.1861 ระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้

พวกทางใต้ซึ่งนิยมการมีทาส เริ่มเรียกพวกที่อยู่ทางเหนือว่า "แยงกี้" เป็นการแบ่งพวกให้เห็นกันชัดๆ

มาถึงศตวรรษที่ 20 คนชาติอื่นๆ ก็เลยเหมาเรียกอเมริกันทั้งหมดว่า "แยงกี้"

ถึงเวลาเกลียดขี้หน้าอเมริกันขึ้นมา ก็ถือป้ายขับไสไล่ส่ง

"แยงกี้ โก โฮม"

YANKEE GO HOME!

ถึง เวลาลำบากยากเข็ญ เศรษฐกิจถล่ม หรือโดนชาติอื่นรังแก ก็แอบไปกระซิบกระซาบให้แยงกี้คัมแบ๊ก ซึ่งแยงกี้ก็มักยินดี เพราะชอบที่จะแทรกแซงกิจการของบ้านเมืองอื่นอยู่ครามครัน

ขณะที่แทรก แซง ก็ต้องคำนวณรายรับรายจ่ายและผลประโยชน์ที่จะได้รับไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของนักลงทุน จะเป็นแยงกี้หรือตี๋ใหญ่จากเมืองจีน หรือที่ไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งสิ้น

นึกขำคนหนุ่มสาวที่เป็นห่วงว่าไทยเราจะประคองสัมพันธภาพทั้งกับแยงกี้และกับตี๋ใหญ่ ให้ถ่วงดุลไปพร้อมๆ กันได้อย่างไร
กลุ้มใจว่าเราจะกลายเป็น "นกสองหัว"

คงลืมอ่านประวัติศาสตร์ ว่าเราเป็นนกสองหัวมานานแล้ว

ความจริงประเทศเล็กๆ อย่างเรา ล้วนต้องเป็นนกสองหัว สามหัว กันทั้งสิ้น

หากไม่สองหัว สามหัว ก็จะต้องเป็น

"หัวเดียวกระเทียบลีบ"

แฟบตายเลย

หรือจะเอาอย่างนั้น ฮึ?


.......................................

ฟัง YANKEE DOODLE ได้ที่

http://www.youtube.com/watch?v=AwHvyqNDUvE

ฟังและชมประวัติศาสตร์การปฏิวัติเพื่อก่อตั้งประเทศของชาวอเมริกันได้ที่

http://www.youtube.com/watch?v=-DnZ_ZY3lgA 


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353815838&grpid=&catid=02&subcatid=0200

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น