คุยกับ “คำ ผกา” ว่าด้วยการเป็น “ฝ่ายค้านทางวัฒนธรรม”
"ถ้าเราดูจากดีเบตของฝ่ายฝักใฝ่ในศาสนาทั้งหมดนี่
เราจะเห็นได้ทันทีเลยว่าสรรพสิ่งที่เขาเชื่อมันเป็นสัจจะ
แล้วมีอยู่อย่างนี้มานับพันปีไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งๆ ที่ศาสนาพุทธก็ได้รับการสังคายนา
พระไตรปิฎกก็สังคายนากันหลายครั้ง
ซึ่งการสังคายนาพระไตรปิฎก
ก็จะทำให้เห็นการปรับตัวของศาสนาพุทธเอง"
เราจะเห็นได้ทันทีเลยว่าสรรพสิ่งที่เขาเชื่อมันเป็นสัจจะ
แล้วมีอยู่อย่างนี้มานับพันปีไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งๆ ที่ศาสนาพุทธก็ได้รับการสังคายนา
พระไตรปิฎกก็สังคายนากันหลายครั้ง
ซึ่งการสังคายนาพระไตรปิฎก
ก็จะทำให้เห็นการปรับตัวของศาสนาพุทธเอง"
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “คำ ผกา” หรือ “ลักขณา ปันวิชัย” นักเขียนสตรีฝีปากคมได้วิพากษ์เรื่อง “การสวดมนต์ข้ามปี”
ผ่านทางรายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำ ผกา ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี
ในวันที่ 10 มี.ค. และตั้งคำถามต่อพุทธศาสนากับรัฐไทย ให้หัวข้อ “รัฐศาสนาและรัฐโลกวิสัย”
ในรายการเดียวกันเมื่อวันที่ 11 มี.ค.
ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในโลกอิน
เทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะเมื่อพระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉันทวิชโช
ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ
ลีลาวดี วัชโลบล ส.ส. กรุงเทพฯ ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 14 มี.ค.
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม
สภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบเทปรายการดังกล่าว
โดยเห็นว่าเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์
โดยเกรงว่าจะทำให้เยาวชนเข้าใจผิดเนื่องจากเป็นการนำเสนอข้อมูลเพียงด้าน
เดียว
การวิพากษ์พุทธศาสนาของ “คำ ผกา” ดังกล่าว ยังนำมาสู่การโจมตีของ
พระมหาโชว์ ทัสสนีโย
รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยผ่านทางรายการกระแสโลก กระแสธรรม
ว่าเป็นการทำลายศาสนาและหลักธรรม พร้อมวิจารณ์ “คำ ผกา” ไม่ว่าจะในเรื่อง
“หัวนม” “อยากดัง” หรือ “ลามปาม” ศาสนา
ประชาไท พูดคุยกับ “คำ ผกา” ต่อมุมมองของเธอกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/post/2012/03/32
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น