ฝันสูง "นักเดินทาง" กับแผนการ "พ่อค้าอาวุธ" ทำไม "ปู" สั่งหยุดตะโกน "พาทักษิณกลับบ้าน" !!
"พาทักษิณกลับบ้าน" คือประโยคที่กึกก้องในสังคมไทยอีกครั้ง
เมื่อ
"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
ประกาศผ่านสื่อไทย-สื่อเทศว่าพร้อมเดินทางกลับ "สยามประเทศ"
หลังต้องระเหเร่ร่อน-รอนแรมไปกินนอนตามประเทศต่างๆ ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 4
ปี
หากย้อนกลับไป "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องเร้นกายอยู่ต่างแดนนาน 1
ปีครึ่ง หลังโดนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก่อนได้กลับมา "จูบแผ่นดินเกิด"
โดยความช่วยเหลือของรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551
ทว่า
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องจากเมืองไทยไปอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2551
โดยขออนุญาตศาลว่าต้องเดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ตามคำเชิญของเจ้าภาพ
แต่หลังเสร็จกิจ "นายกฯ คนที่ 23" ก็หายไปพร้อมไฟคบเพลิง ไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทย
กระทั่ง
มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก
"พ.ต.ท.ทักษิณ" เป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
ในเดือนตุลาคม 2551
นั่นกลายเป็นสัญญาณว่า "พื้นที่ประเทศไทย" กลายเป็น "แดนต้องห้าม" สำหรับ "ผู้ต้องคดี" ไปแล้ว
หลังจากนั้น "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็ไม่ได้เหยียบ "แผ่นดินแม่" อีกเลย
เสียง
"พาทักษิณ" กลับบ้าน ค่อยๆ แผ่วเบาลง และบอดสนิทเมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาล
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปรับโหมดเป็นไล่ล่านำตัว "นักโทษชาย" มาลงโทษแทน
กระทั่ง
"อภิสิทธิ์" ตัดสินใจยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 3 กรกฎาคม 2554
เสียงเรียกร้องให้พา "นายห้างตรา(ดู)ไบห่อ" กลับบ้าน ก็กลับมาอีกครั้ง
กลาย
เป็นกระแสที่ถูกจุดขึ้นมาปลุก "โหวตเตอร์"
ทั้งบนเวทีปราศรัยทั้งของพรรคเพื่อไทย (พท.)
และเวทีคู่ขนานของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
กลายเป็น "จุดแข็ง" ส่วนหนึ่งที่ทำให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พา พท. เข้าวิน-หิ้วผู้แทนฯ เข้าสภา 265 เสียง
ความ
หวังของ "สาวกแม้ว" คล้ายแจ่มกระจ่างขึ้น พร้อมกับความฝันไกลที่ถูกลดระยะลง
เมื่ออำนาจในการ "ควบคุม" กลับมาอยู่ในมือ "คนจากแดนไกล"
"คีย์แมน
พท." ประเมินว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องเปิดเกมปรองดองเร็ว
คู่ขนานกับการเตรียมกลไกกรุยทางกลับประเทศไทย
เพื่อให้การกลับบ้านเกิดครั้งนี้เรียบ-ลื่น
ล่าสุดเขาออกมาระบุด้วยตัวเองว่า "ผมมีวิธีกลับบ้าน โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผมคนเดียว คนไม่ผิดกลัวอะไร"
และ
ยังตอกย้ำความต้องการส่วนตนในการให้สัมภาษณ์ "สื่อเกาหลีใต้" ว่า
"หากกลับไทย ผมไม่มีความต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
แต่อยากจะเป็นเพียงที่ปรึกษาให้น้องสาวดีกว่า"
เมื่อ "หัว" ส่งสัญญาณชัด จึงไม่แปลกที่บรรดา "หาง" จะเริ่มขยับ-รับลูก โดยมีการโยนสารพัดแนวทางในการ "พานายใหญ่กลับบ้าน"
แต่ที่จับต้องได้ และถูกขยายผลต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามมีอยู่ 4 แนวทาง
หนึ่ง
คือ การออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรองดอง ชงโดย "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง"
รองนายกรัฐมนตรี โดยประกาศรวบรวมรายชื่อ ส.ส.อีสาน พท. ให้ได้ 20
คนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
"พาทักษิณกลับบ้าน" คือประโยคที่กึกก้องในสังคมไทยอีกครั้ง
เมื่อ
"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
ประกาศผ่านสื่อไทย-สื่อเทศว่าพร้อมเดินทางกลับ "สยามประเทศ"
หลังต้องระเหเร่ร่อน-รอนแรมไปกินนอนตามประเทศต่างๆ ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 4
ปี
หากย้อนกลับไป "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องเร้นกายอยู่ต่างแดนนาน 1
ปีครึ่ง หลังโดนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก่อนได้กลับมา "จูบแผ่นดินเกิด"
โดยความช่วยเหลือของรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551
ทว่า
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องจากเมืองไทยไปอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2551
โดยขออนุญาตศาลว่าต้องเดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ตามคำเชิญของเจ้าภาพ
แต่หลังเสร็จกิจ "นายกฯ คนที่ 23" ก็หายไปพร้อมไฟคบเพลิง ไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทย
กระทั่ง
มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก
"พ.ต.ท.ทักษิณ" เป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
ในเดือนตุลาคม 2551
นั่นกลายเป็นสัญญาณว่า "พื้นที่ประเทศไทย" กลายเป็น "แดนต้องห้าม" สำหรับ "ผู้ต้องคดี" ไปแล้ว
หลังจากนั้น "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็ไม่ได้เหยียบ "แผ่นดินแม่" อีกเลย
เสียง
"พาทักษิณ" กลับบ้าน ค่อยๆ แผ่วเบาลง และบอดสนิทเมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาล
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปรับโหมดเป็นไล่ล่านำตัว "นักโทษชาย" มาลงโทษแทน
กระทั่ง
"อภิสิทธิ์" ตัดสินใจยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 3 กรกฎาคม 2554
เสียงเรียกร้องให้พา "นายห้างตรา(ดู)ไบห่อ" กลับบ้าน ก็กลับมาอีกครั้ง
กลาย
เป็นกระแสที่ถูกจุดขึ้นมาปลุก "โหวตเตอร์"
ทั้งบนเวทีปราศรัยทั้งของพรรคเพื่อไทย (พท.)
และเวทีคู่ขนานของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
กลายเป็น "จุดแข็ง" ส่วนหนึ่งที่ทำให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พา พท. เข้าวิน-หิ้วผู้แทนฯ เข้าสภา 265 เสียง
ความ
หวังของ "สาวกแม้ว" คล้ายแจ่มกระจ่างขึ้น พร้อมกับความฝันไกลที่ถูกลดระยะลง
เมื่ออำนาจในการ "ควบคุม" กลับมาอยู่ในมือ "คนจากแดนไกล"
"คีย์แมน
พท." ประเมินว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องเปิดเกมปรองดองเร็ว
คู่ขนานกับการเตรียมกลไกกรุยทางกลับประเทศไทย
เพื่อให้การกลับบ้านเกิดครั้งนี้เรียบ-ลื่น
ล่าสุดเขาออกมาระบุด้วยตัวเองว่า "ผมมีวิธีกลับบ้าน โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผมคนเดียว คนไม่ผิดกลัวอะไร"
และ
ยังตอกย้ำความต้องการส่วนตนในการให้สัมภาษณ์ "สื่อเกาหลีใต้" ว่า
"หากกลับไทย ผมไม่มีความต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
แต่อยากจะเป็นเพียงที่ปรึกษาให้น้องสาวดีกว่า"
เมื่อ "หัว" ส่งสัญญาณชัด จึงไม่แปลกที่บรรดา "หาง" จะเริ่มขยับ-รับลูก โดยมีการโยนสารพัดแนวทางในการ "พานายใหญ่กลับบ้าน"
แต่ที่จับต้องได้ และถูกขยายผลต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามมีอยู่ 4 แนวทาง
หนึ่ง
คือ การออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรองดอง ชงโดย "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง"
รองนายกรัฐมนตรี โดยประกาศรวบรวมรายชื่อ ส.ส.อีสาน พท. ให้ได้ 20
คนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1331970884&grpid=&catid=01&subcatid=0100
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น