จากกุข่าวรัฐประหาร กลายเป็นรัฐประหารโดยตุลาการ มวลชนนับวันจะเติบใหญ่เข้มแข็ง
พรรคนี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์
และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ
คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2
ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
โดย ยังดี โดมพระจันทร์
รัฐประหารเมื่อกุมภาปี 2534 ก่อนปิดฉากลงด้วยเหตุการณ์พฤษภา 2535
เราเชื่อกันว่านั่นคงเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย
เพราะทหารต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับพลังมวลชนที่ไม่ยอมจำนน
ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง กลายเป็นทหารอาชีพ ผ่านไป 15 ปี ถามกันเล่นๆ
ว่าทหารหน้าไหน กลุ่มไหนจะกล้าลุกขึ้นมาทำรัฐประหารอีก
ในโลกยุคปัจจุบันหากใครลุกขึ้นมาทำก็บ้าแล้ว แต่พอเกิดรัฐประหารเมื่อ 19
กันยา 2549 เราจึงสรุปได้ว่าอย่าเชื่ออะไรมากเกินไป....
แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญประชาชน
วันนี้ เชื้อร้ายของเผด็จการทหาร เผด็จการอำมาตยาธิปไตยยังวนเวียนอยู่ในการเมืองไทย เจ้ากี้เจ้าการจัดระเบียบใหม่ เทอำนาจอธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการที่หาคนมาร่างเอง มี สว. (สมาชิกวุฒิสภา)แต่งตั้งกว่าครึ่ง ทั้งยังผลักดันให้มีการลงประชามติภายใต้ พรบ.ฉุกเฉิน ที่ควบคุมคูหาเลือกตั้งกว่าครึ่งค่อนประเทศ แอบอ้างว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มีความชอบธรรมสูงสุด แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับไป
ในทางโครงสร้างมีการจัดตั้ง รัฐบาลขิงแก่ และองค์กรอิสระที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารโดยตรง คณะกรรมการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน คตส ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหารและบุคลากรส่วนใหญ่ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร สื่อ และเอ็นจีโอที่ฝักใฝ่อำมาตย์ นี่คืออุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยไทย
ทำ ให้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมาจากเสียงข้างมากของมวลชน มาจากคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทั่วประเทศก็ไม่สามารถบริหาร และผลักดันนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้อย่างเต็มที่ได้ การสั่งงานข้าราชการก็ทำไม่ได้ ดูจากกรณีน้ำท่วมใหญ่เป็นตัวอย่าง ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทำได้ยากยิ่ง แม้จะทำไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐสภาทุกอย่าง
นโยบายผิดพลาด ยุทธศาสตร์ผิดเพี้ยน ถอยห่างมวลชน
ท่าม กลางอุปสรรคเหล่านี้ แทนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและ นปช. จะพิจารณาความขัดแย้งให้ถ่องแท้ และเร่งขจัดจุดอ่อนต่างๆ เพื่อเสริมพลังตนเอง ด้วยการสนับสนุนพลังของมวลชนคนเสื้อแดงให้แข็งแกร่ง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกกฎหมายเผด็จการที่กดการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน
พรรค นี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญประชาชน
วันนี้ เชื้อร้ายของเผด็จการทหาร เผด็จการอำมาตยาธิปไตยยังวนเวียนอยู่ในการเมืองไทย เจ้ากี้เจ้าการจัดระเบียบใหม่ เทอำนาจอธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการที่หาคนมาร่างเอง มี สว. (สมาชิกวุฒิสภา)แต่งตั้งกว่าครึ่ง ทั้งยังผลักดันให้มีการลงประชามติภายใต้ พรบ.ฉุกเฉิน ที่ควบคุมคูหาเลือกตั้งกว่าครึ่งค่อนประเทศ แอบอ้างว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มีความชอบธรรมสูงสุด แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับไป
ในทางโครงสร้างมีการจัดตั้ง รัฐบาลขิงแก่ และองค์กรอิสระที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารโดยตรง คณะกรรมการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน คตส ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหารและบุคลากรส่วนใหญ่ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร สื่อ และเอ็นจีโอที่ฝักใฝ่อำมาตย์ นี่คืออุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยไทย
ทำ ให้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมาจากเสียงข้างมากของมวลชน มาจากคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทั่วประเทศก็ไม่สามารถบริหาร และผลักดันนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้อย่างเต็มที่ได้ การสั่งงานข้าราชการก็ทำไม่ได้ ดูจากกรณีน้ำท่วมใหญ่เป็นตัวอย่าง ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทำได้ยากยิ่ง แม้จะทำไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐสภาทุกอย่าง
นโยบายผิดพลาด ยุทธศาสตร์ผิดเพี้ยน ถอยห่างมวลชน
ท่าม กลางอุปสรรคเหล่านี้ แทนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและ นปช. จะพิจารณาความขัดแย้งให้ถ่องแท้ และเร่งขจัดจุดอ่อนต่างๆ เพื่อเสริมพลังตนเอง ด้วยการสนับสนุนพลังของมวลชนคนเสื้อแดงให้แข็งแกร่ง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกกฎหมายเผด็จการที่กดการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน
พรรค นี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
ยิ่งดำเนินยุทธศาสตร์ผิดพลาด ยิ่งเร่งเสนอ พรบ.ปรองดอง เข้าสู่สภาราวกับจะเร่งวันเร่งคืนให้อดีตนายกทักษิณได้กลับบ้าน พรรคเพื่อไทยก็ยิ่งเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งศึกนอกศึกใน ฝ่ายเสื้อแดงก้าวหน้า และนักวิชาการที่เคยสนับสนุนพรรคต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์
ขณะที่ความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาก็มีอุปสรรค พรรคแมลงสาบตีรวนป่วนสภา คุกคามประธานสภาจนเกิดภาพน่าทุเรศผ่านสื่อไปทั่วโลก ขณะที่กลุ่มพันธมิตร และกลุ่มสลิ่มหลากสีต่างออกมาชุมนุมประท้วง พร้อมกวักมือเรียกทหารอำมาตย์กันเหยงๆ
ขบวนการฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำมา ตยาทำงานกันอย่างเป็นระบบ จึงเป็นหน้าที่แกนนำ นปช. ต้องออกมาสยบการวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายเสื้อแดง หยุดความขัดแย้งภายในด้วยการกุข่าวรัฐประหาร ปั้นน้ำเป็นตัวว่าฝ่ายตรงข้ามมีแผนจะลักพานายกยิ่งลักษณ์ หวังจะให้คนเสื้อแดง “สามัคคีกัน” หยุดวิจารณ์อดีตนายกทักษิณ หยุดวิจารณ์การรีบเร่งปรองดองที่ไม่ยืนบนหลักการ
เพียง ประเมินว่าสิ่งที่ยึดโยงมวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ไว้ด้วยกัน คือการต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านเผด็จการ ขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่ามีแดงปลอม แดงเสี้ยม.... ใช้วิธีการเยี่ยงอำมาตย์มาควบคุมมวลชน ราวกับว่าถ้าไม่ได้กุข่าวรัฐประหารแล้วจะลงแดงตาย???
แกนนำล้าหลัง ตามไม่ทันมวลชนที่กำลังตื่นตัวตาสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การ นำที่เลอะเทอะไม่ทันเกมส์ของ นปช. และพรรคเพื่อไทย ที่มีหลายค่ายหลายกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงเริ่มเบื่อหน่าย สิ่งนี้สะท้อนการเมืองผิดฝาผิดตัว ของ แกนนำ นปช. เอาหัวเดินต่างเท้า ปรองดองแบบวิปริต เร่งเอาศัตรูมาเป็นมิตร หมอบคลานจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีก
ขณะที่มวลชนตื่นตัวตาสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พรรคเพื่อไทยกลับใช้ยุทธวิธีถอยแล้วถอยเล่าในสภา ใช้นโยบายปูดองอันเหลือเชื่อ
นโยบายรัฐสวัสดิการทั้ง นปช และเพื่อไทยก็ไม่เอา อะไรที่เป็นผลประโชน์ต่อมวลชนคนชั้นล่างก็กลับละเลย ตอกย้ำแนวเศรษฐกิจการเมืองที่เป็นเสรีนิยมใหม่ มีแต่จะเดินหน้าปราบปรามควบคุมฝ่ายซ้าย ปิดเว็บไซต์ก้าวหน้า
แกนนำ นปช. และพรรคเพื่อไทย แกล้งลืมไปว่าภัยมหาศาลต่อประชาธิปไตยมาจากกฏหมายอาญามาตรา 112 และ กฏหมายคอมพิวเตอร์ พวกเขาสร้างละครปรองดองชุดแล้วชุดเล่า มีผลให้มวลชนและนักวิชาการเสื้อแดงบางกลุ่ม บางคน ประกาศแตกหักกับทักษิณ พรรคเพื่อไทย และ นปช. ท่ามกลางสถานการณ์ที่ฝ่ายอำมาตย์รุกคืบด้วยการเพิ่มอำนาจฝ่ายตุลาการผ่านศาล รัฐธรรมนูญ สั่งสภาให้ถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ออกไป เพื่อหยุดการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ก้าวหน้า จนมีคนเรียกขานว่า ตุลาการรัฐประหาร....
ถึงเวลาที่พวกเรามวลชนคนเสื้อแดงที่มีดวง ตาใสสว่าง จะเริ่มคิด เริ่มสร้าง หันกลับมาสร้างพรรคของตนเอง เลิกพึ่งพาพรรคการเมืองนายทุน เลิกชื่นชมแกนนำที่จะนำพาเราไปสู่การปรองดองอันผิดเพี้ยน แล้วเริ่มวางยุทธศาสตร์บนแนวทางการต่อสู้ทางชนชั้นอันแหลมคมอย่างถึงที่สุด
มวลชนต้องนำตนเอง ไม่มีเทวดา ไม่มีผู้วิเศษที่ไหนจะมาประสิทธิประศาสน์ให้เราได้!!!
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/07/blog-post_7626.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น