โดย พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
๑.ขุนหลวงพระไกรสี (เทียม)
"พระเจ้าแผ่นดินทำอะไรไม่มีผิด เพราะฉนั้นเปนผู้ที่อยู่เหนือกฎหมายอาญาแลศาลอาญาในเมืองของท่าน โดยเหตุนี้เราไม่จำเปนจะต้องพิจารณาว่า การที่ท่านกระทำสิ่งนั้น ๆ จะผิดกฎหมายอาญา หรือถูกกฎหมายอาญาแต่อย่างใด แลอีกประการหนึ่งไม่สมควรที่เราจะคาดคะเนหรือสงไสยว่า บางทีการสิ่งนั้นที่ท่านทำจะไม่เปนการสมควร หรือเปนสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย
เมื่อกฎหมายถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทำอะไรไม่มีผิดดังนี้ก็ดี ยังต้องคิดถึงผู้ที่เปนเเครื่องมือของพระเจ้าแผ่นดินอยู่ เช่นข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยต่าง ๆ ที่พระเจ้าแผ่นดินได้ตั้งแต่งไว้ไปกระทำสิ่งใดลง หรือสั่งการสิ่งใดในหน้าที่ที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว ผู้ใดกระทำตามคำสั่งที่ผิดนั้นต้องมีโทษ จะไปซัดว่าผู้ที่มาสั่งหรือใช้ให้ตนกระทำเช่นนั้น เปนผู้ได้รับอำนาจความตั้งแต่งจากพระเจ้าแผ่นดิน ตนจึงกระทำตามคำสั่ง แลเมื่อตามกฎหมาย พระเจ้าแผ่นดินเปนผู้กระทำสิ่งใดไม่มีผิด ผู้ที่รับอำนาจความตั้งแต่งมาสั่งการตามหน้าที่ ก็คงต้องไม่มีผิด เขาผู้กระทำตามก็ควรไม่มีผิด จะเถียงเช่นนั้นไม่ได้ ผู้ใดกระทำตามคำสั่งหรือคำบังคับที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว ต้องมีโทษตามโทษานุโทษ"
โดยดู ขุนหลวงพระไกรสี (เทียม). หลักกฎหมายอาญา : เปนคำอธิบายหัวข้อกฎหมายอาญาต่าง ๆ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร : โสภณพิพรรฒธนากร. รัตนโกสินทร ศก ๑๒๖. หน้า ๑๘ - ๒๐.
_____________________________
๒.อำนาจอภิสิทธิ์ขององคาพยพของกษัตริย์
"ในการที่ศาลจะมีหมายถึงเจ้าพนักงานกรมอื่นให้ทำการอย่างใดนั้น ขอให้ระวังบ้าง ต่อการใดจำเปนที่เขาต้องทำตามกฎหมายจึ่งควรมีเปนหมายสั่งไป ถ้าการสิ่งใดไม่มีกฎหมายบังคับ ว่าเขาต้องทำตามคำสั่งของศาล ๆ ไม่ควรมีหมายไป เพราะกระทรวงก็มีอำนาจเท่า ๆ กัน ศาลจะบังคับเขาไม่ได้ ศาลควรแจ้งความไปตามทางราชการ...อีกอย่างหนึ่ง ก็เรื่องโจทก์ฟ้องกรมแลกระทรวงเปนจำเลย ศาลอย่ามีหมายไปยังกรมอัยการเลย ให้มีเปนหนังสือแจ้งความไปยังเจ้ากรมอัยการ เพราะเขาจะมาแก้ความก็ได้ไม่มาก็ได้ ศาลบังคับกรมแลกระทรวงเหล่านั้นไม่ได้ เปนน่าที่โจทก์ต้องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ถ้ากรมแลกระทรวงจะมาแก้ความแล้วก็ได้ โดยเขาไม่ถืออำนาจ ศาลจึ่งตัดสินได้เหมือนอย่างความธรรมดา... ขอให้เปนที่เข้าใจว่า เขายอมให้ชำระเรื่องหนึ่ง อย่าเข้าใจว่ายอมให้ชำระทุกเรื่อง ต้องว่ากันเปนเรื่อง ๆ ไป"
โดยดู กฎที่ ๖๐ ว่าด้วยการที่ศาลจะมีหมายถึงกรมแลกระทรวงต่าง ๆ. กฎให้ไว้มาณวันที่ ๒๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙. โดยดู หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) . ประชุมกฎหมายไทย. ภาค ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : นิติสาส์น. หน้า ๕๔๒.
_____________________________
๓.อำนาจอภิสิทธิ์ของญาติวงษ์กษัตริย์ในการทำผิดคดีอาญา
"ห้ามพระบรมวงษ์เธอต้องหาในคดีอาญา ให้ถือเหมือนอย่างข้าราชการชั้นสัญญาบัตร์...ให้ผู้พิพากษาทั้งปวงปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกระแสพระบรมราชโองการ"
โดยดู กฎที่ ๖๑ ว่าด้วยเรื่องหม่อมห้ามต้องหาในคดีอาญา. กฎให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๓๐. โดยดู หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) . ประชุมกฎหมายไทย. ภาค ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : นิติสาส์น. หน้า ๕๖๒.
_____________________________
๔.ราม ร. (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) - ไม่ประกันหลักความชอบด้วยกฎหมายของนิติกรรมทางปกครอง แต่ อีกนัยหนึ่งก็อาจกล่าวได้ว่า เป็นการคุ้มครองหลักความมั่นคงแห่งนิติฐานะอยู่เหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่ง อาจแสดงความ "ไม่ซับซ้อน" ปล่อยไปตามเรื่องตามราวของกษัตริย์ในสมัยนั้น
"เห็นว่าตามแบบธรรมเนียมแลประเพณีในกรุงสยามตามที่ได้เคยใช้มา กฎเสนาบดีที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ก็ต้องนับว่าเปนกฎหมาย โดยไม่มีข้อควรสงสัยเลย ส่วนปัญหาข้อที่ว่า กฎเสนาบดีไม่ควรบัญญัติข้อความใดขึ้นให้นอกเหนือพระราชบัญญัติ ซึ่งกฎนั้นเปนส่วนนั้น ว่าตามใจเราก็เห็นว่าเปนความเห็นอันควรคำนึงอยู่ แลน่าจะกำหนดลงไว้ให้ชัดเจน. จะได้ให้พิจารณาเปนส่วน ๑. แต่ตราบใดเมื่อยังมิได้มีบทบัญญัติลงไว้เปนอย่างอื่น จะถือเอาความเห็นมาอ้างเปนข้อลบล้างตัดทอนอำนาจแห่งเสนาบดีใด ๆ นั้น ไม่เปนการสมควร ศาลต้องพิพากษาตามบทกฎหมายและนิติประเพณีของกรุงสยามที่มีอยู่ เพราะฉนั้นให้ศาลฎีกาพิพากษาคดีไปตามกฎเสนาบดี...อันเปนบทบัญญัติในเรื่อง นี้นั้นเถิดฯ"
โดยดู พระบรมราชวินิจฉัย ๒๕/๒๓๐ พระราชวังพญาไท วันที่ ๓ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ ตอบหนังสือนำคำปฤกษาศาลฎีกาในคดีที่ ๔๔๐, ๖๑๗, ๖๑๘, ๖๑๙, พ.ศ. ๒๔๖๔ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยดู ธร์มสาร. เล่ม ๗ คำพิพากษาฎีกา พ.ศ.๒๔๖๖. หน้า ๒๗๑ - ๒๗๒.
_____________________________
๕.พระยาจินดาภิรมย์ (จิตร ณ สงขลา). พระยาเทพวิทุรฯ (บุญช่วย วณิกกุล). พระยามานราชเสวี (ปลอดวิเชียร ณ สงขลา)
"กฎหมายที่เปนบทบัญญัติ...ต้องเปนพระราชกำหนดแห่งพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ฤๅอีกนัยหนึ่ง คือเปนบัญญัติของผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน...
อนึ่ง กฎเสนาบดี ฤๅกฎข้อบังคับใด ๆ ที่ได้ออกโดยถูกต้องตามอำนาจที่มีอยู่ในกฎหมาย ก็เปนบทบังคับคดีได้อย่างกฎหมาย แต่ไม่ใช่ตัวบทกฎหมาย เพราะไม่ใช่พระราชกำหนดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปนแต่เมื่อไดออกโดยถูกต้องแล้วมีผลในการบังคับคดีได้อย่างกฎหมาย ข้อสำคัญที่ต่างกันก็คือ ในส่วนกฎหมายศาลยุติธรรมไม่มีอำนาจที่จะยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยว่าผิดฤๅถูก ชอบฤๅมิชอบ ควรฤๅมิควร แต่ในส่วนกฎเสนาบดีฤๅกฎข้อบังคับอื่น ๆ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าได้ออกโดยชอบฤๅไม่"
โดยดู พระยาจินดาภิรมย์ (จิตร ณ สงขลา). พระยาเทพวิทุรฯ (บุญช่วย วณิกกุล). พระยามานราชเสวี (ปลอดวิเชียร ณ สงขลา). คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : โสภณพิพรรฒธนากร. ๒๔๖๗. หน้า ๑๑ - ๑๒.
_____________________________
๖.นายจรูญ จันทรสมบูรณ์ (บิดาของ นายอมร จันทรสมบูรณ์)
"พระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณาญาสิทธิราช พระองค์ย่อมมีอำนาจเหนือกฎหมาย เพราะพระองค์เป็นบุคคลที่เป็นประมุขแห่งราษฎร ไม่มีฐานะอย่างเอกชนธรรมดา พระองค์เป็นองค์รัฐบาล รัฐบาลจะอยู่ใต้บังคับของตนเองย่อมไม่ได้ พระเจ้าแผ่นดินได้บัญญัติกฎหมายไว้สำหรับบังคับราษฎรพลเมือง ข้อบัญญัตินั้นจะบังคับพระองค์เองโดยกฎหมายของพระองค์เองนั้นเป็นสิ่งที่มี ไม่ได้ เปรียบประดุจข้อบังคับของอาจารย์ที่ใช้บังคับศิษย์ ข้อบังคับสำหรับศิษย์นั้นจะใช้บังคับแก่อาจารย์ไม่ได้ การจะอย่างไรก็ต้องแล้วแต่อาจารย์จะเห็นควร มีสุภาษิตกฎหมายเกี่ยวกับข้อนี้อยู่ว่า "กษัตริย์กระทำสิ่งที่ผิดไม่ได้" (Res non potes peccare) และ "กษัตริย์ไม่ถูกผูกพันโดยประกาศพระราชบัญญัติ ถ้ามิได้ผูกพันกล่าวพระนามไว้ประจักษ์แจ้ง" (Roy n'est lie par ascun statute s'il ne soit expressement nosme)
เพราะเหตุที่กฎหมายมีลักษณะเช่นนี้ รัฐบาลทุกประเทศจึงมีอำนาจที่จะแก้ไขกฎหมายหรือยกโทษให้แก่นักโทษได้ในทุก ขณะที่เหมาะสมแก่รัฐประศาสนโยบาย...
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ร.ศ.๑๒๗ มาตรา ๕ ซึ่งมีบัญญัติไว้ตอนหนึ่งว่า "กล่าวโทษเสนาบดีเจ้ากระทรวงทั้งปวง ในข้อที่เกี่ยวด้วยหน้าที่ราชการ ห้ามไม่ให้ฟ้องยังโรงศาล" ทั้งนี้เพราะเสนาบดีเป็นผู้แทนกระทรวง กระทรวงต่าง ๆ ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล รัฐบาลย่อมรับผิดชอบในข้อที่เกี่ยวด้วยราชการ ถ้ายอมให้ฟ้องเสนาบดียังโรงศาล ก็เท่ากับยอมให้ฟ้องรัฐบาลตามโรงศาลตามกฏหมาย ซึงศาลและกฎหมายตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเอง ก็จะเรียกว่า รัฐบาลมีอำนาจสูงสุดไม่ได้"
โดยดู จรูญ จันทรสมบูรณ์. ว่าด้วยกฎหมาย. ภาค ๑. ตอนที่ ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์. ๒๔๗๑. หน้า ๒๑ - ๒๓.
_____________________________
๗.มหาอำมาตย์ตรี พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี)
"จำเลยเป็นโรคเกี่ยวกับสมองและหายไม่ปกติ ในบางเวลาจำเลยคิดว่าตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจฆ่าคนได้ในขณะที่จำเลยมี ความคิดดังนั้น จำเลยได้จับตัวคนใช้ในบ้านของจำเลยมาลงอาชญาจนตาย โดยคิดว่าผู้ตายเป็นกบฏต่อจำเลยซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดิน...จำเลยมีสติเขวถือ ว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจฆ่าคนกบฏได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ตามกฎหมายอังกฤษและอินเดียถือกันว่าจำเลยไม่มีผิด
ที่ไม่เอาโทษก็เพราะถือเอาเกณฑ์ความคิดของจำเลยที่หลงคิดไปเช่น นั้นขึ้นตั้ง คือยอมสมมติว่าถ้าการได้เป็นไปจริงดังที่จำเลยคิด จำเลยจะทำได้ไม่เป็นผิดแล้ว กฎหมายก็ไม่เอาโทษ แต่ถ้าแม้เป็นความจริงจำเลยก็ยังมีความผิดฉะนี้แล้วข้อวิกลจริตของจำเลยก็ ไม่เป็นข้อแก้ตัวได้"
โดยดู มหาอำมาตย์ตรี พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี). คำอธิบายกฎหมายลักษณอาชญา ภาค ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : อักษรนิติ. ๒๔๗๕. หน้า ๑๗๓.
_____________________________
ศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) วิพากษ์ The King can do no wrong ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์?
อย่างไรก็ดี ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เช่นกัน กุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา - นามปากกา) กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้น่าสนใจในบทความ "มนุษยภาพ" เผยแพร่ครั้งแรกใน หนังสือพิมพ์ศรีกรุง, วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๔ บางตอนดังนี้
"วิทยาศาสตร์ของการโกหกตอแหลกำลังก้าวหน้า...การโกหกตอแหล การหลอกลวง ได้ก่อกำเนิดจากคณะรัฐบาล และหมู่ชนชั้นสูง...และเมื่อคิดถึงว่า อำนาจเป็นสิ่งบันดาลความนิยม และอำนาจในทุกวันนี้ เราหมายกันถึงเงินกับชั้นสูง ฉะนั้นเราจะไม่เตรียมตัวไว้ตกใจกันบ้างหรือว่า วิทยาศาสตร์ของการโกหกตอแหลจะแพร่หลาย และนิยมกันทั่วไปในบ้านเรา
ข้าพเจ้าว่า อำนาจบันดาลความนิยม และอำนาจคือเงินกับชั้นสูงนั้น เป็นการแน่แท้ด้วยอะไรที่เงินหรือชนชั้นสูงกระทำ เราถือว่าเป็นถูกต้องควรนิยมทุกอย่าง จนถึงกับมีศัพท์บ้า ๆ อะไรเกิดขึ้นคำหนึ่งว่า ปาปมุติ คือผู้ไม่รู้จักมีบาป ผู้ทำอะไรไม่ผิด หรือมิยอมให้ว่าเป็นถูก นั่นมันเป็นการที่ต่างหลอกลวง อย่างนี้ซึ่งสิ่งใดผิดถูกชอบที่จะให้ขาวเพื่อประโยชน์ของชนชั้นสูง ที่เราพากันเชื่อถืองมงายเช่นนี้ แสดงว่าเราไม่สู้หน้ากับความเป็นจริงนั้น ไม่เห็นปรากฏมีใครในโลกที่จะทำอะไรไม่ผิดเลย ถึงท่านเจ้าของลัทธิหรือศาสดาทั้งหลาย อันมีผู้เคารพสักการะทั่วโลกก็ยังปรากฏว่าได้เคยคิดหรือทำอะไรผิดมาเหมือน กัน..."
โดยดู กุหลาบ สายประดิษฐ์, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ : ข้อเขียนการเมืองของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ในฐานะนักหนังสือพิมพ์, (สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ), กรุงเทพ : คณะกรรมการดำเนินงานจัดสร้างสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ "ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย", ๒๕๔๘
(ที่มา)
http://blogazine.in.th/blogs/phuttipong/post/3820
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น